การที่ได้เป็น Manager มาหนึ่งปีทำให้ได้รู้ชัดว่าทำไมพี่ๆหลายคนถึงชอบบอกว่า พอเราเติบโตขึ้นในสายอาชีพ สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่เนื้องานหรือการมี technical skills ที่ดีอีกต่อไป (คือจริงๆมันก็ต้องยังมีอยู่นะ) ทว่ากลับกลายเป็นเรื่องคนหรือการมี people skills ที่เจ๋งเจี๊ยบจ๊าบ ซึ่งฉันพ่ายแพ้อย่างราบคาบและผ่านประสบการณ์ที่หนักหน่วงที่สุดของชีวิต แต่นั่นก็คือบทเรียนที่ดีที่สุดของการบริหารคนที่ฉันได้รับ ป.ล. สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรกของ series บทเรียนของ Manager มือใหม่ – หน้าที่และทักษะของคนที่พร้อมแบกโลกไว้ทั้งใบ ตามไปอ่านกันที่ link นี้ได้เลยค่ะ หมายเหตุตัวโตๆ: บล็อกนี้ไม่ตั้งใจจะพาดพิงหรือกล่าวโทษใครทั้งสิ้น ฉันเขียนเพื่อที่จะจดจำบทเรียนนี้ไว้เป็นรางวัลที่ดีที่สุดกับชีวิตที่ผ่านมันมาได้ ขอให้เพื่อนๆอ่านเพื่อผลประโยชน์ในการทำงานเท่านั้นและไม่ดราม่าจ้า ปูเรื่อง เนื่องจากทีมของฉันที่เล็กอยู่แล้ว มีคนลาออกพร้อมกันจนทีมเหลือกันแค่ 3 คน (ฉันและน้อง junior อีก 2 คน) ประกอบกับเป็นช่วงขาขึ้น โปรเจคหลั่งไหลเข้ามามากมายจนแทบจะกางเต๊นท์นอนอยู่ที่ทำงาน เลยทำให้มีการรับคนเข้ามาพร้อมกันทีเดียว 5 คน โดยเกือบทั้งหมดไม่เคยทำงานประเภท consulting มาก่อน ช่วงนั้นฉันดูแลหลายโปรเจคมากและแต่ละโปรเจคค่อนข้างซับซ้อน ต้องดูน้องๆ 4-5 คนไปพร้อมๆกัน ไม่นับงานขายที่มาอีกเป็นระยะๆ เรียกได้ว่าเป็น 4 เดือนที่หนักที่สุดในชีวิต กลับตีสองตีสาม ประชุมเก้าโมง ทั้งขับรถทั้งบินไปสัมภาษณ์ลูกค้าที่ต่างจังหวัด ยิ่งกว่านักร้องลูกทุ่งเดินสายร้องเพลง ...
Read More »Work
บทเรียนของ Manager มือใหม่ – หน้าที่และทักษะของคนที่พร้อมแบกโลกไว้ทั้งใบ
ปี 2018 ถือเป็นปีทองของฉันโดยแท้จริง ความฝันข้อใหญ่ๆของฉันเป็นจริงพร้อมกัน 2 อย่าง คือได้รับการตอบรับให้ไปเรียนต่างประเทศ และการได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Manager ตอนที่ยังเป็นน้องน้อยในทีม เวลาแหงนคอมองพี่ Manager ในโปรเจคของตัวเองแล้วรู้สึกถึงความเท่ ความยิ่งใหญ่ ความเกรียงไกร และอำนาจ (ตกลงทำงานหรือจะไปรบ) เวลาที่เห็นพี่เค้าตัดสินใจ แก้ปัญหาให้น้องๆในทีม รับมือกับลูกค้า ฉันก็ได้แต่คิดในใจว่า ซักวันหนึ่งฉันจะต้องยืนอยู่ตรงจุดสุดคูลนั้นให้ได้ และแล้วหกปีผ่านกับน้ำหนักที่ขึ้นมาเกือบห้าโล (เกี่ยวไหม) ฉันก็ทำสำเร็จ วันที่ 1 June 2018 นางสาวเจนเข้ารับตำแหน่ง Manager และได้ที่จอดรถเป็นของตัวเองที่ตึกในวัย 27 ปี เท่ซะไม่มี อายุเฉลี่ยของพนักงานในตำแหน่ง Manager ในบริษัทของฉันอยู่ที่ประมาณ 30-35 ปี ฉันในตอนนั้นยังถือว่าเด็กที่สุดแม้กระทั่งในระดับ Assistant Manager ด้วยซ้ำ โหย ยิ่งเท่เข้าไปใหญ่ ภูมิใจไปสิบวันแบบที่ไม่ได้เฉลียวใจเล้ยว่ากำลังจะเจอกับอะไร เนื่องในโอกาสเกือบถึงการครบรอบ 365 วันของการเอาตัวรอดในตำแหน่งนี้ จึงถือเป็นฤกษ์งามยามดีของการตีแผ่ความสะบักสะบอมจนน้ำหนักที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มทำงานลดไปจนเกือบเหลือเท่าเดิม ได้บทเรียนและทักษะมากมายให้เติบโตไปใกล้ความเป็นผู้หญิงแก่ เอ้ย เก่ง ได้อีกขั้น หน้าที่และทักษะของผู้แบกโลกไว้ทั้งใบ Manager หรืออีกชื่อเรียกคือ ‘บุคคลผู้แบกโลกไว้ทั้งใบ’ วันๆ ...
Read More »จะยากอะไร กับการเปลี่ยนสายอาชีพ – ขอต้อนรับสู่วงการ Management Consulting
10 เดือนที่แล้ว ยังจำได้ถึงวันที่เจ้านายคนปัจจุบันชวนให้ย้ายมาทำงานด้วยกัน วันนั้นบอกแกไปว่า “พี่คะ แต่ background เจนเป็น IT นะ” ส่วน boss ท่านก็ตอบกลับมาสบายๆว่า “เอาน่า มาสัมภาษณ์ก่อน เดี๋ยวดู resume ให้” หลังไปสัมภาษณ์กลับมา แล้วข่าวคราวเงียบหายไปเป็นเดือนๆ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าคงจะนกแน่ๆ แต่ในที่สุดก็ได้รับการติดต่อว่า คุณได้รับโอกาสนี้ค่ะ คำเตือน บทความนี้ยาวมากก โอกาสที่ว่าถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งกับการเปลี่ยนงานครั้งนี้ เพราะเป็นการเปลี่ยนใน 2 แกนหลักๆ คือ เปลี่ยน #1 คือการเปลี่ยนสายอาชีพ จากการทำ IT Consulting ไปเป็น Management Consulting ถามว่ามันแต่ต่างขนาดนั้นเลยหรอ คำตอบคือ ต่างมากกกก ต่างค่อดดดด เรียกว่า technical skills เปลี่ยนเกือบทั้ง set สิ่งที่เคยทำ เคยรู้ เดี๋ยวนี้แทบจะไม่ได้งัดขึ้นมาใช้ กลายเป็นความรู้ก้นกรุที่ทำท่าจะสลายไปตามกาลเวลา เปลี่ยน #2 คือการเปลี่ยนตำแหน่ง จาก Senior Consultant ไปเป็น Assistant ...
Read More »ความภูมิใจเล็กๆของฉันกับสัปดาห์ร่างแหลก
สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการทำงานที่เหนื่อยที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นทำงานมา (ซึ่งอีกไม่กี่เดือนจะครบ 6 ปี) ฉันขอเรียกมันว่า “สัปดาห์ร่างแหลก” เพราะรู้สึกได้ถึงความร่างทรุดอย่างแท้จริง เลยขอบันทึกไว้เป็นความทรงจำดีๆ (หราา) ความภูมิใจเล็กๆ อาจจะไม่ได้ได้ข้อคิดมาก แต่ยังไงก็อยากเขียนเก็บไว้ ฉันเปลี่ยนงานอีกแล้วนะ (หลังจากเขียนบล็อกก่อน “การลาออกครั้งแรก” ครั้งกระโน้น) เป็นการเปลี่ยนงานโดยเปลี่ยนสายงานไปด้วย + เลื่อนตำแหน่งกระเถิบขึ้นอีกนิด ดังนั้นไม่ต้องถามหาความท้าทาย 9 เดือนที่ผ่านมาไม่มีวันไหนไม่ตื่นเต้น ทั้งงานที่ไม่เคยทำ ปกติเคยทำงานทีละโปรเจคแต่เดี๋ยวนี้มาตรฐานคือ 3 สูงสุดคือ 6 และเจ้านายที่เป็นมหาบอสเทพที่แท้ทรู (ต้องขอบคุณท่านเจ้านายที่ให้โอกาสและขอโทษที่ทำให้เอือมระอากับความง่อยเป็นระยะมา ณ ที่นี้) ซึ่งเดี๋ยวค่อยมาเม้าท์มอยกับงานใหม่ทีหลัง เพราะสามารถเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ได้เลยมั้ง ตอนนี้มาดูคุณลักษณะกันก่อนว่า “สัปดาห์ร่างแหลก” ของฉันเป็นแบบไหน งานที่ไม่เคยทำมาก่อน – ซึ่งจริงๆอันนี้ปกติ จากประสบการณ์สิบกว่าโปรเจคใน 9 เดือนที่ผ่านมาแทบจะไม่ซ้ำกันเลย ทำงานเพื่อนร่วมงานที่มาจากสาขาที่สิงคโปร์ – อันนี้ก็เคยทำมาแล้ว แต่คราวนี้จะไม่มีคนไทยเลย หมายฟามว่า อิงลิช 24 ชั่วโมง เป็น co-team กับลูกค้าญี่ปุ่นที่มาจากบริษัทแม่ที่โตเกียว – เริ่มยาก เนื่องด้วยข้อจำกัดทางภาษาอังกฤษของลูกค้า และภาษาญี่ปุ่นของฉันที่พูดได้แต่ โออิชิ ระยะโปรเจคที่สั้นเทียบกับจำนวนงาน – ...
Read More »การลาออกครั้งแรก
ขอตั้งชื่อสวนกระแสเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่เคยคิดจะลาออกจากการเป็นลูกจ้างและยังคงรื่นเริงกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ วันนี้จึงอยากบันทึกประสบการณ์การลาออก ‘ครั้งแรก’ หลังจากกลั่นกรองตกผลึกกับตัวเองมาซักพัก ไม่เคยมีความคิดจะย้ายงานอัพเงินอะไรมาก่อนเพราะอัตราการขึ้นเงินเดือนของที่เก่าค่อนข้างเยอะ ตั้งใจว่าจะอยู่ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปเรียนต่อปริญญาโทแล้วค่อยว่ากัน ประกอบกับ career path ค่อนข้างชัด มีโอกาสเติบโตสูงเลยไม่ได้คิดอยากย้ายไปไหน ถ้ามันดีจริงทำไมถึงลาออก? เรื่องมันเริ่มตอนพ่อป่วยหนัก นอนอยู่โรงพยาบาลแถวบ้าน ส่วนตัวฉันทำงานและเช่าหออยู่ในเมือง งาน consult หนักเป็นธรรมดา อันนี้เรารู้กันดี ทำให้ฉันมีเวลาไปเฝ้าพ่อน้อย ตกเฉลี่ย 1-2 ครั้งระหว่างอาทิตย์ แม้ว่าวันเสาร์อาทิตย์จะไปอยู่เต็มวัน แต่เทียบกับแม่และน้องชายที่อยู่แทบ 24×7 โดยเฉพาะน้องชายที่ใกล้เข้ามหาลัย ต้องอ่านหนังสือสอบแอดมิดชั่น ก็ถือว่าตัวฉันเองเห็นแก่ตัวมาก นี่คือความผิดกระทงแรก… มันคือความผิดและความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ถ้ามีไทม์แมชชีนจริงๆ จะย้อนเวลากลับไปลางานยาว และอยู่กับพ่อให้ได้มากที่สุดจนวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน พอพ่อเสียได้ไม่ถึงเดือน ฉันดันลางานสองเดือนไปโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศที่ได้รับคัดเลือกตั้งแต่พ่อยังไม่ทรุด ปัญหาอยู่ที่ ทำไมตอนนี้ดันลาได้? แล้วแม่ที่เสียใจจนต้องไปหาจิตแพทย์ ใครดู? คำตอบคือน้องชายที่เพิ่งสอบเข้ามหาลัยแถวบ้านได้ และอยู่ในระหว่างปิดเทอมรอเรียน โครงการในฝันของนักล่าทุนทุกคน สำหรับฉัน มันคือความทรมานที่ต้องถามตัวเองซ้ำๆทุกวันว่า ตัวฉัน…มาทำอะไรที่นี่? พอกลับมาทำงานก็กลับเข้าสู่ลูปเดิม คืออยู่หอในเมืองวันจันทร์ถึงศุกร์ ทำงานหนัก เหนื่อย เสาร์อาทิตย์กลับมาบ้านก็อยากนอนอยากพัก แต่พอเจอหน้าแม่ก็โดนบ่น ตัดพ้อต่อว่านู่นนี่ พูดถึงตอนดูแลพ่อตอกย้ำให้รู้สึกผิด กลายเป็นว่าวันเสาร์อาทิตย์ไม่ใช่วันที่ฉันตั้งตารออีกต่อไป เป็นวันที่ต้องกินยาแก้ปวดหัวอย่างน้อยสี่เม็ดทุกครั้งที่กลับบ้าน ความทุกข์จากการทะเลาะ ความรู้สึกผิด ...
Read More »แฉงาน consult : ทักษะจำเป็นของการเป็น consult ที่ดี
หลังจากที่เคยเล่าว่าอาชีพที่ปรึกษาหรือ consultant (ต่อจากนี้จะขอเรียกสั้นๆว่า consult) คืออะไรและมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ใน post นี้ขอเล่าถึงทักษะจำเป็นที่ต้องมีติดตัวไว้ถ้าหากคิดจะเป็น consult ค่ะ 1.Analytical skills (Extremely High) Analytical skills หรือทักษะการคิดวิเคราะห์ เป็นทักษะอันดับหนึ่งที่ consult ทุกคนจะต้องมีในระดับที่สูงมากๆ (ใส่ดอกจันไปเลยสามล้านดวง) ลองจินตนาการถึงวันแรกของโปรเจค เดินเข้าไปในบริษัทลูกค้า กวาดตามองไปรอบๆแล้วจะเห็นว่ามีคอมพิวเตอร์และเอกสารมากมายเต็มไปหมด นั่นแหละค่ะ ข้อมูลที่คุณต้องเลือกเก็บและนำเอาไปวิเคราะห์เพื่อได้ solution ออกมาเสนอลูกค้า ดังนั้นการเป็น consult ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น junior หรือ senior จะต้องสามารถทำงานกับข้อมูลจำนวนมากได้ ขอแบ่งตามลำดับขั้นการทำงานดังนี้ – Data Collection ก่อนที่จะไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูล เราต้องรู้วิธีได้มาซึ่งข้อมูลที่เราอยากจะได้ก่อน อาจจะเป็นการสัมภาษณ์ ขอดูเอกสาร สังเกตการณ์ ทำ survey ฯลฯ ฉันเคยเจอทัังกรณีที่ได้ข้อมูลมามากเกินไปจนไม่รู้จะวิเคราะห์ส่วนไหนดี กรณีได้ข้อมูลมาไม่ตรงกับที่ต้องการ ก็ต้องหาวิธีอธิบายให้ลูกค้าฟังอย่างง่ายๆว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร เวลารับข้อมูลมาต้องกลั่นกรอง ตัดและลดทอนอคติและอารมณ์ของผู้ให้ข้อมูลออกไป หรือกรณีไม่ได้ข้อมูลเลย ซึ่งอาจเกิดจากกลุ่มลูกค้าที่เราทำงานด้วยไม่รู้ว่าข้อมูลอยู่ตรงไหน ใครเป็นเจ้าของข้อมูล หรือคิดว่าข้อมูลสำคัญ (confidential) เกินกว่าที่จะให้เราได้ ดังนั้นเราต้องให้เหตุผลที่หนักแน่นพอว่าจะเอาข้อมูลไปทำอะไร เพื่ออะไร และหากขอข้อมูลเป็นจำนวนมากจากหลายหน่วยงาน ...
Read More »คำแนะนำในการทำงานดีๆจาก TED talks
TED talks เป็นการประชุมที่คนที่มีความคิดดีๆล้ำๆมาแบ่งปันให้ชาวโลกรับรู้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Ideas worth spreading แถมอัดวีดีโอเป็นตอนๆเก็บไว้พร้อมมีคนมาแปลเป็น subtitle ให้เสร็จสรรพ หากใครสนใจไปตาม link นี้ได้ https://www.ted.com/ ฉันเริ่มต้นการดู TED talks เพราะอยากฝึกภาษาอังกฤษ ไปๆมาๆคือได้ทั้งภาษาอังกฤษและความคิดดีๆมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จากเกือบร้อยกว่า talks ที่ดูมา วันนี้คัด 2 TED talks ที่ฉันใช้มากที่สุดในชีวิตการทำงานมาเล่าสู่กันฟัง 1. Your body language shapes who you are ของ Amy Cuddy ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาสังคมในมหาวิทยาลัย Harvard หลายคนๆคงเคยได้ยินมาแล้วว่า มนุษย์เรารับรู้จากท่าทางหรืออัปกิริยาหรือที่เรียกว่า non-verbal ได้มากกว่าคำพูดหรือ verbal ซะอีก ดังนั้นสิ่งที่คนอื่นแสดงออกมาจะมีผลต่อความคิดของเราโดยตรง และในทางเดียวกัน ท่าทางที่เราทำก็มีผลโดยตรงต่อสิ่งที่เรารู้สึกกับตัวเอง Our non verbal governs how we feel about ourselves. มีการวิจัยให้แบ่งกลุ่มคนออกเป็น 2 กลุ่ม ...
Read More »PwC Singapore’s Inspire Talk Series – เคล็ดลับการทำงานดีๆที่อยากบอกต่อ (with English version)
วันนี้ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน PwC Inspire Talk Series ที่บริษัทจัดขึ้นโดยมีรูปแบบเป็น Panel Discussion โดยจะมีพิธีกร (Moderator) ในการแนะนำผู้เข้าร่วมอภิปราย (Panelists) โยนคำถามให้แต่ละท่านได้แสดงความคิดเห็น และคุมเวลาไม่ให้เกินกำหนด แน่นอนว่าครั้งแรกสุดที่จัดก็ต้องเชิญคณะผู้บริหารสูงสุดของบริษัท เรียกได้ว่ายกขโยงมากันเกือบทั้งบอร์ด รวม 5 ท่าน นำทีมโดย Executive Chairman ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่รวบรวมมาได้จาก 45 นาทีของการอภิปรายค่ะ ธีมหลักจะมีอยู่ 3 ธีมด้วยกัน คือ Getting ahead in life, Managing time & stress และ Networking efficiently (ปล. ขออนุญาตไม่ใส่ “” เพราะไม่ได้ quote ประโยคมาเป๊ะเด๊ะ สรุปใจความมาเขียนอีกทีหนึ่ง) 1. Getting ahead in life ทำยังไงให้การงานก้าวหน้า Always be willing and volunteer to try new ...
Read More »ชีวิตต่างถิ่น ณ ดินแดนสิงคโปร์ : 7 นิสัยควรมีไว้ในการทำงานต่างประเทศ
เนื่องจากใกล้จะครบปีที่ได้ถูก export ออกมานอกประเทศ ถึงแม้จะเป็นที่ใกล้ๆอย่างสิงคโปร์แต่ก็ทำให้ได้เปิดหูเปิดตาว่าเค้าเป็นอยู่ทำงานกันอย่างไร วันนี้เลยถือโอกาสนั่งวิเคราะห์ลักษณะนิสัยที่ควรมี ถ้าอยากทำงานได้อย่างราบรื่นในต่างประเทศ สรุปออกมาเป็น 10 นิสัยหลัก ดังนี้ หมายเหตุ เป็นประสบการณ์และมุมมองของคนอายุ 24 ปีที่ทำงานที่ประเทศไทยมา 2 ปี และทำงานต่างประเทศมาเกือบปี ผู้อ่านระดับน้องๆจบใหม่หรือคนเพิ่งเริ่มทำงานน่าจะได้ประโยชน์สูงสุด จะดีใจมากถ้าพี่ๆคนไหนมีมุมมองหรือประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังสอนน้องๆ (แต่ขอให้เป็นในทาง constructive comments/sharing นะคะ) 1. Independent (พึ่งพาตัวเอง คิดเองเป็น ทำอะไรคนเดียวได้) สำหรับฉันถือว่าเป็นนิสัยที่สำคัญที่สุดทำเรื่องการทำงานและเรื่องส่วนตัวในการมาอยู่ต่างประเทศ ส่วนตัวคิดว่าเด็กไทยเราถูกสอนให้ทำตามคำสั่ง มี instruction ให้พร้อมตลอดเวลา ไม่ได้บอกว่าคิดเองไม่เป็น แต่การศึกษากระตุ้นให้พวกเรารู้จักทำอะไรเองน้อยมากเมื่อเทียบกับเด็กจบใหม่ที่นี่ เช่น เวลาหัวหน้าสั่งงาน เค้าจะบอกว่าไปทำ Competitive Intelligence Analysis มา สั้นๆ แต่แม่ม มันคืออะไรฟะ แล้วยังถามต่ออีกว่าจะส่ง draft ให้เค้าดูได้วันไหน นอกจากจะไม่อธิบายว่าม้นคืออะไร ยังให้ตรูคิด deadline เองอี้กกก พอประเมินเยอะๆก็ต้องหาเหตุผลมารองรับให้ได้ว่าทำไมต้องการเวลาเยอะ เป็นต้น (ไม่ได้แปลว่าถามไม่ได้ เพียงแต่เค้าจะไม่มานั่งอธิบายว่าคืออะไร ทำยังไง ต้องไปศึกษาแล้วรวบรวมคำถามไปถามทีหลัง) ทุกอย่างต้องผ่านการคิดคำนวณหาทางออกมาก่อนค่อยไปคุยกับเจ้านาย อีกตัวอย่างคือ ...
Read More »ชีวิตต่างถิ่น ณ ดินแดนสิงคโปร์ : ฉันจะไม่ยอมโดนด่าฟรี! ปฏิบัติการต่อสู้ Negative Feedback
เป็น post ที่เกี่ยวกับงานอันแรกของปี (หลังจากมีแต่รีวิวท่องเที่ยวมานาน) คราวนี้รับรองว่าแซ่บบบบ ทั้งยังเป็นประสบการณ์ที่มีค่า เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของชีวิต Background ขอย้อนเวลากลับไปเล่าตั้งแต่ตอนช่วงกลางพฤศจิกายนของปีที่แล้ว ช่วงที่ฉันถูกปลดออกจากโปรเจคที่ทำอยู่และโชคดีที่หาโปรเจคใหม่มาเสียบต่อได้ทันท่วงทีได้ดั๊นนนนนนนนเป็นโปรเจคภายใน (internal project) ที่ไม่สามารถคิดเงินลูกค้าได้ นั่นแสดงว่าบริษัทจะได้กำไรไม่มากนัก เจ้านายจึงพยายามจะขายฉันให้กับแผนกอื่น (ห๊ะ พวกแกทำธุรกิจอะไรกันแน่ – ขายความสามารถนะคะ อย่าคิดลึกกกก) แต่ความสามารถก็ดันไม่ตรงกับที่เค้าต้องการซะงั้น เลยต้องอยู่โปรเจคเดิมต่อไป เกิดปัญหาการเมืองภายในมากมาย ถูกเจ้านายเหม็นขี้หน้าเพราะบังอาจไปทำงานให้กับเจ้านายคนอื่น บลาๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดพัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องที่เจ้านายเรียกเข้าห้องดำรับปีใหม่ แล้วให้ feedback มาแบบดีจริงๆ คือไม่มีชิ้นดีจริงๆ อีกทั้งโปรเจคใหม่ที่ได้มาก็หินซะจนแทบกระอัก เรียกว่าโดน manager ด่าน้ำตาซีมทุกวัน บางวัน 3 เวลาหลังอาหาร ทำงานภายในความกดดันวันล่ะ 10 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ บางวันมี 13-14 ชั่วโมง (ปกติจะทนได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ long hour, normal pressure ก็ normal hour, high pressure กรุณาอย่ามา 2 อย่างพร้อมๆกัน กุงง) สดๆร้อนๆที่เพิ่งโดนมาคือเจ้านายให้ negative ...
Read More »