พ่อเคยพูดไว้เสมอว่าอยากพาพวกเราไปเที่ยวเวียดนาม ล่อง Halong bay ฉันเลยขอทำสิ่งที่พ่อฝันไว้ให้เป็นจริงโดยการพาแม่และน้องชายไปตะลุยเวียดนามเหนือฉลองปีใหม่ 2016 ซะเลย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พาแม่เที่ยวต่างประเทศแบบไม่พึ่งทัวร์ (ไม่นับสิงคโปร์ เพราะไปอยู่ที่นั่นเป็นปี รู้จักที่ทางเป็นอย่างดี) ครั้งนี้เลยขอเป็น backpack แบบเบาๆค่อนไปทางสบายแล้วกัน
ขอพูดเรื่องการเตรียมตัวแบบคร่าวๆก่อนค่ะ
1. จองตั๋วเครื่องบิน
ขอแนะนำเว็ปไซต์สุดเลิฟ Skyscanner เพียงเลือกเมืองต้นทาง ปลายทาง วันไป-กลับ เที่ยวบินราคาถูกจะเด้งขึ้นมาให้คุณเลือกสรรทันที คราวนี้ฉันเลือกไปวันที่ 31 ธันวา – 4 มกรา ไปด้วยสายการบิน Airasia ด้วยราคาคนละ 3,504 บาท และกลับด้วยสายการบิน low cost ของเวียดนามชื่อ Vietjet คนละ 2,475 บาท รวมไปกลับคนละประมาณ 6,000 บาท ซี้ดปากเล็กน้อย แต่ถือว่าต้องรับราคากันไปเพราะจองแค่ 2 เดือนล่วงหน้าเอง
2.วางแผนท่องเที่ยว
กำหนดคร่าวๆก่อนเลยว่าวันนี้จะไปไหน นอนที่ไหน ของฉันคือ
31 Dec: fly to Hanoi, Hanoi
1 Jan: Halong bay, train to Sapa
2 Jan: Sapa
3 Jan: Sapa, train to Hanoi
4 Jan: Hanoi, fly to Bangkok
3. จองทัวร์
ไหนหัวข้อบอกว่า backpack แล้วการจองทัวร์คืออัลไลลล ประเดี๋ยวก่อน จองทัวร์ในที่นี่คือการติดต่อ tour agency เพื่อซื้อบริการต่างๆตั้งแต่รถรับ-ส่งจากสนามบินไปตัวเมือง Hanoi (ลากแม่ขึ้นรถเมล์พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเขื่องก็จะกระไรอยู่) ไป Halong bay ตั๋วรถไฟไป Sapa ฯลฯ จริงๆแล้วแยกจองเองก็ได้ แต่ในเวลาอันจำกัด เดี้ยนเล็งเห็นแล้วว่าทำแบบนี้สะดวกกว่า
เริ่มต้นด้วยการหารายชื่อ tour manager แล้วอีเมล์ไปสอบถาม+เปรียบเทียบราคา ฉันเลือก service จาก Goldenland Tours โดยมี tour manager ชื่อ Mr. Hung เพราะราคาค่อนข้างโอเค ไม่ได้ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงเกินรับไหว แต่ที่โดนสุดๆคือตอบไวมาก ทำให้มั่นใจว่า ถ้ามีปัญหาอะไรเขาจะสามารถช่วยเหลือเราได้ทันท่วงที
พอตกลงกันได้ เขาจะส่ง quotation กลับมาให้ดูประมาณนี้
ตรวจดูวันเวลาราคาให้เรียบร้อยแล้วจึง confirm กลับไป ปกติแล้วเตรียมเงินสกุล USD ไปจ่ายทีเดียวที่เวียดนามเลย
4.จองโรงแรม
แนะนำเว็ปไซต์คู่ใจ Agoda.com ค้าหาคู่กับ Tripadvisor (เว็ปหลังเอาไว้ดูภาพที่ถ่ายโดยนักท่องเที่ยวซึ่งจะใกล้เคียงสภาพจริงมากกว่าภาพใน Agoda) จริงๆแล้ว tour manager ก็เสนอโรงแรมมาให้ แต่ไม่ถูกใจโจ๋เลยขอจองเองดีกว่า
5. อื่นๆ
แลกเงิน (แนะนำให้แลกเป็นเงินสกุล USD) ไปแลกต่อเป็นดอง (VND) ที่สนามบินนองไบในเวียดนามจะได้เรทดีกว่า) อย่าลืมปริ๊นท์หลักฐานการจองโรงแรม ทัวร์ แผนการท่องเที่ยว เช็คสภาพอากาศ (สำคัญมากที่ Hanoi จะหนาวประมาณ 15-20 c ช่วงหน้าหนาว Sapa ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจอเลขตัวเดียวแน่ๆ ถ้าโชคดีอาจจะได้เจอหิมะได้) เตรียมเสื้อผ้าไปให้เหมาะสม converter ไม่ต้องใช้ เพราะปลั๊กไฟเหมือนบ้านเราค่ะ
พร้อมแล้วจะรออะไร ลุยโลดดด
31 Dec
เนื่องจากเครื่องบินออก 7 โมงตรง เลยกะมาถึงสนามบินดอนเมืองประมาณตีห้า เผื่อโหลดกระเป๋าฝ่า ตม. ไว้ซัก 2 ชั่วโมง ช่วงปีใหม่ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
ขอแอบเล่าบทเรียนราคาแพงประมานหนึ่งของตัวเอง เรื่องมีอยู่ว่าฉันนั่ง Uber ขากลับมาบ้าน คุยกันไปมาเลยตกลงให้มารับไปจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองเพราะเคยนัดกับแท็กซี่ให้มารับตอนเช้าผ่านศูนย์แล้วโดนเบี้ยว ลืมไปว่าถ้าไปสนามบินจะโดนชาร์ต 500 บาท ทั้งๆที่ถ้ามาแท็กซี่ ยังไงก็ไม่เกิน 200 บาท แล้วดันไม่เอะใจด้วยเพราะตอนถามพี่คนขับเขาบอกคิดเรท Uber อ่ะน้อง ไอ้เราก็คิดว่าเรทที่ใช้วิ่งปกติ แถมพี่เค้าทำกระเป๋าฉันร่วงจากท้ายรถลงพื้น เลยห่วงว่าอาจจะได้ซื้อ Naked2 ใหม่ทั้ง Pallete (เศร้ากว่า) โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ไม่รอบคอบ
ผ่านเรื่องค่ารถไป เรามาดูบรรยากาศในสนามบินดอนเมืองกันดีกว่า
คิวแอร์เอเชียอยู่ตรงไหนมิทราบคะ! มองจำนวนคนแล้วคำนวณหาทางออกอย่างรวดเร็วในกรณีโหลดกระเป๋าไม่ทัน แต่มี 4 ใบกับคน 3 คน เลยทำใจยืนต่อแถวต่อไป (สรุปว่าทำอะไรไม่ได้ แล้วแกจะเล่าเพื่อ?)
แม่ยังสู้ค่ะ หนูขอโทษที่มีปัญญาซื้อแค่ low cost อนาคตแม่ต้องเดินสวยๆขึ้น full service แน่นอนค่ะ สัญญา
40 นาทีผ่านไป ได้ check in และโหลดกระเป๋าซักที ด่านต่อไปคือ ตม. นั่นเอง ใช้เวลาอีกประมานครึ่งชั่วโมง มีเวลาอีก 10 นาทีเดินสบายๆไปเข้าเกท
ขออัพเดตเรื่องน้ำเปล่าในสนามบินดอนเมือง เดี๋ยวนี้เค้ามีน้ำให้กดดื่มฟรีกันแล้วนะคะ นำกระติกน้ำหรือขวดเปล่ามากรอกกันได้ ประหยัดค่าน้ำไปอีกคนละ 20 บาท อิอิ
และแล้วก็เรียกขึ้นเครื่อง
พระอาทิตย์กำลังขึ้น งามแท้
อีกลำวิ่งผ่านไปแล้ว เค้าขอไปก่อนนะตะเอ๊งงง
บรรยากาศบ้านเราตอนเช้า ทำไมแม่น้ำเจ้าพระยามี 2 แพร่งอ่ะ มันใช่กรุงเทพไหมนี่
บินไป 1 ชั่วโมงกับอีก 40 นาทีก็ถึงสนามบินนองไบ ณ เมืองหลวงของเวียดนาม Hanoi
ที่ ตม โล่งมาก เดินทะลุปรึ๊ดออกมารอรับกระเป๋าเลย คนไม่มาเที่ยว Hanoi กันเลยหรือไงนะ (แกจะเอายังไง คนเยอะก็บ่น คนน้อยก็สงสัย)
รับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกมา เจอชายหนุ่มรูปงามกำลังตามหาข้าพเจ้าอยู่ (คนขับรถที่จ้างไว้เขามารับแก เพ้อเจ้อ)
ตรงเวลาดีมาก แต่ขอแลกเงินก่อนนะจ๊ะ ร้านแลกเงินจะอยู่แถวนั้นเลย ตอนที่ฉันไปเรทอยู่ที่ 1 USD = 22,196 VND
พวกเราแลกทั้งหมด 270 USD ได้เงินมาเกือบ 6 ล้านดอง เป็นเศรษฐีเงินล้านในชั่วพริบตา
จากนั้นข้างๆมีร้านโทรศัพท์เลยจัดการซื้อซิมมือถือมาซะเลย ทริปนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ตนี่อาจล่มได้เพราะอะไรนั้นต้องติดตามนะเคอะ แต่ซื้อเถอะ ประโยชน์อย่างน้อยที่สุดคือได้อัพเดตโลกโซเชี่ยลทุกโมเม้นท์นั่นเอง จัดไป 1.5 gb กับโทร local call อีก 60 นาที 200,000 VND (การคำนวณเงินบาทสามารถทำได้ง่ายโดยการตัดศูนย์สามตัวท้ายแล้วคูณด้วย 1.6 ในกรณีนี้คือ 200×1.6 = 320THB ซึ่งเวลาถามราคา แม่ค้าจะบอกโดยตัดศูนย์ให้อัตโนมัติ เราก็จับคูณ 1.6 ได้เลย)
ระหว่าง 1 ชั่วโมงที่นั่งรถเข้าตัวเมืองมาก็ฆ่าเวลาด้วยการชี้ชวนกันดูความสามารถในการขับมอเตอร์ไซค์ของชาวเวียดนาม
รายนี้ขนหมูตัวอวบกับไก่อีกหลายๆตัว
Advance ขั้นสุดกับการขนจักรยานคันเป้งๆ
ในที่สุดก็มาถึงโรงแรม Spendid Star ฺBoutique Hotel ที่จองไว้ hotel manager ก็มาต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี เอาเมนูมายื่นให้สั่ง welcome drink (ที่จะสั่งกี่แก้วก็ได้ยัน 3 ทุ่ม สำคัญที่สุดคือฟรีนะค้า)
เมนูโปรดผลไม้รวมใส่โยเกิร์ต กินไปทั้งหมด 3 แก้ว คุ้มชะมัด
เอาแผนที่มาให้ มาอธิบายสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหาร
สอบถามได้ความชื่อ Simon ว่าอายุแค่ 23 ปีแต่แต่งงานแล้ว เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปน้องเค้ามา บริการดีจนขนลุก
Simon หายไปซักพักก็กลับมาบอกว่าเนื่องจากเรามาเช้า ห้องที่จองไว้ยังไม่พร้อม แต่เขาได้เช็คว่ามีห้องว่างอยู่ที่อีกสาขาหนึ่งของโรงแรม (โรงแรมนี้มีอยู่ 5 สาขา เดินถึงกันได้หมด) ชื่อ Spendid Star Grand Hotel ให้เราไปดูห้องก่อน ถ้าชอบจะยกกระเป๋าตามไปให้
มาดูสภาพห้องที่เดี้ยนรูดไป 1,717.65 THB กันค่ะ เว่อร์วังอลังการงานสร้าง ห้องกว้างจนจะตีเทนนิสได้
ห้องน้ำก็กว้างใช้ได้ ผ่านฉลุย
พักซักครู่ก็ได้เวลาออกสำรวจบริเวณใกล้ก่อนที่ tour manager จะมาเจอที่โรงแรม
ที่แรก เดินไปไม่ไกล St. Joseph Cathedral โบสถ์คาทอลิกที่สร้างโดยฝรั่งเศส เค้าปิดไม่ให้เข้าไป ถ่ายรูปข้างหน้าได้อย่างเดียวเท่านั้น
wefie ซักหน่อย พวกเราสามแม่ลูกมาถึงแล้วน้า
ออกเดินต่อรอบ Hoan Kiem Lake (ทะเลสาปคืนดาบ) ที่อยู่ไม่ไกลนัก กินลมชมวิวเบาๆ อากาศกำลังดี 16 องศา
มีตำนานเล่าถึงทะเลสาบคืนดาบ ในการสร้างชาติเวียดนาม ในศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิเล เหล่ย แห่งราชวงศ์เล ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนแห่งราชวงศ์หมิงที่รุกราน ให้ออกไปจากเวียดนาม ในขณะที่พระองค์ประทับบนเรือ ณ ทะเลสาบแห่งนี้ ก็มีตะพาบยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำและบอกให้พระองค์ส่งดาบนั้นกลับคืนแด่จ้าวมังกร ดาบนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบก่อนที่จะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบ
Thap Rua (Tortoise Pagoda) หรือเจดีย์ทรงเต่ากลางทะเลสาบ สร้างไว้เพื่อให้เต่าขึ้นมาอยู่ ไม่รู้มีมาอยู่จริงไหม
อ้าวๆ ซื้ออะไรคะคุณแม่
Tour manager ส่ง message มาบอกว่าจะเลทอีกนิด ประกอบกับเสียงร้องระงมของกระเพาะของเราสามคน เลยตัดสินใจไปหาอะไรกิน
Simon แนะนำร้าน Pho 10 ไว้ แต่เดินไปไม่ทันถึงคุณแม่ก็เหลือบไปเห็นร้านนี้ซะก่อน คนเยอะจนล้นออกมานอกร้าน
ไม่รีรอ เดินเข้าไปชู 3 นิ้วเลย (= มา 3 คนค่า) เด็กเสิร์ฟเห็นดังนั้นเลยพาลัดเลาะทะลุห้องแถวอีกหลังแล้วขึ้นบันได จนกระทั่งหาที่ว่างเจอ สังเกตว่าข้างหลังมีเตียงที่ยังมีผ้าห่มยู่ยี่คาไว้ ขายดีขนาดไหนคิดดู ห้องนอนยังไม่เว้น
การไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลยไม่ใช่ปัญหา ชี้นิ้วไปที่โต๊ะข้างๆแล้วพยักหน้า ใครถามอะไรบอก Okay ซักพักอาหารจะมาเกยท่านถึงที่
มื้อแรกของเราคือขนมจีน ซุปใส่เลือดและหน่อไม้ กับเนื้อของสัตว์ปีกที่ไม่แน่ใจว่าไก่หรือตัวอะไรกันแน่ (เหนียวได้ใจชะมัด) ขาดไม่ได้คือน้ำจิ้มรสชาติเหมือนซอสภูเขาทองฝาเขียวบีบมะนาวโรยพริกขี้หนู แบบว่า เด็ด! ที่เห็นเหลืองๆคือน้ำข้าวโพด หวานไม่มาก อุ่นๆกำลังดีกับอากาศหนาว
สิริรวมมื้อนี้ 260,ooo VND (416 THB) ถือว่าราคาค่อนข้างโอเค
เดินออกมาถึงรู้ว่าอาหารชนิดนี้ชื่อ Bun Ngan มารู้ทีหลังว่า Bun แปลว่าเส้นขนมจีน ส่วน Ngan แปลว่าเป็ด (สรุปว่าเป็ดสินะ)
ฤกษ์งามยามดี ได้เวลากลับโรงแรมไปหาคนที่ tour manager ส่งมา จ่ายเงินเสร็จสรรพได้ของมา 2 อย่าง นั่นคือ voucher ตั๋วรถไฟ (ยังไม่ใช่ตั๋วจริงๆ ต้องไปแลกที่สถานีรถไฟอีกที) กับใบที่เค้าส่งมาให้เราแต่จะมีลายเซ็นต์ของฝั่งเราและฝั่งเค้ากำกับ ทุกอย่างต้องเก็บไว้เยี่ยงชีพ เพราะเดี๋ยวจะถูกเรียกขอดูเป็นระยะ
วันนี้ยังอีกยาวไกล ให้แม่พัก 10 นาทีแล้วออกเดินทางต่อไปยัง Ho Chi Minh complex ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุง Hanoi แถวๆนั่นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่สามารถเดินถึงกันหมด มาทั้งที อยากให้แม่ได้ลองระบบขนส่งสาธารณะของเวียดนามบ้างเลยเลือกเดินทางโดยรถเมล์ อากู๋บอกว่า เดินไปที่ป้ายรถเมล์แล้วขึ้นสาย 9 ได้เลยนะลูก
เด็กแว๊นซะด้วย นั่งหลังสุดเลย
ที่แรกสุสานของโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’ s Mausoleum)
ใครจะเข้าต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ ห้ามถ่ายรูป และระหว่างเคารพศพลุงโฮ ต้องอยู่ในกิริยาสำรวม ถ้านำกล้องใหญ่หรือกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ต้องฝากก่อนเข้าด้วย อีกอย่างที่สำคัญมากๆคือต้องมาตอนเช้า เรามาบ่ายเลยอด ได้แต่มองตาละห้อยอยู่ข้างนอก
ตรงบริเวณนั้นมี พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ แสดงเฉพาะเรื่องราวของโฮจิมินห์ เสียค่าเข้า 40,000 VND ต่อคน ไม่ได้เข้าเพราะขี้เกียจอ่านค่ะ เอิ๊กๆ
เจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda) เป็นศาลาเก๋งจีนหลังเดียวขนาดเล็กตั้งอยู่บนเสาต้นเดียว สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้แก่เจ้าแม่กวนอิม
เริ่มหิวเลยหาซื้อของกินแถวนั้น ปอกให้แบบสดๆ
ซื้อมะละกอ 1 ลูก ได้ของแถมมาตรึม หนึ่งในนั้นคือลูกนี่ แม่ค้าบอกว่าเป็นลูกน้ำนม แปลกแต่อร่อยดี
พาลูกทัวร์เดินต่อ ทำเป็นกางแผนที่เวลาแม่หันมาดูแต่ขอบอกว่า หนูมั่วค่ะ เห็นอะไรสวยเข้าไปก่อนเลย อิอิ
ทำเนียบประธานาธิบดี (President Palace) เป็นอาคารทรงโคโลเนียลสีเหลือง ที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1901 ปัจจุบันเป็นที่รับแขกเมืองของเวียดนาม รอบๆ ทำเนียบมีสวนดอกไม้และสระน้ำ เสียเงินค่าเข้าคนละ 40,000 VND
ภายในมีรถที่ลุงโฮเคยใช้ ห้องทำงานและห้องอาหารของลุงโฮ ให้เดาจากที่เห็นคือลุงน่าจะกินข้าวคนเดียวบ่อย เหงาน่าดู
อาณาบริเวณตึกที่จัดแสดง ไม่แน่ใจว่าแต่ก่อนจะเหลืองขนาดนี้ไหม
ด้านหลังทำเนียบมีบ้านไม้หลังเล็กๆ (Ho Chi Minh’s Stilt House) ซึ่งลุงโฮใช้เป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1958 จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
ใต้ถุนบ้านเล็กๆ หลังนี้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ ที่โฮจิมินห์ใช้เป็นที่ประชุมกับนายทหารคนสำคัญๆ วางแผนการรบกับทหารสหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนาม ข้างบนบ้านเป็นห้องหนังสือและห้องนอนของโฮจิมินห์ซึ่งอยู่อย่างเรียบร้อยและสมถะ
พักทานผลไม้แถวนั้น คราวนี้ขอลองสับปะรด ดูจากสีหน้าแล้ว น่าจะหวานมาก(มั้ง)
คุณแม่ใจดี แบ่งปันความหวานให้เด็กน้อยชาวเกาหลี หน้าเบี้ยวไปตามๆกัน พิสูจน์มาแล้วว่าสับปะรดที่นี่รสชาดแบบนี้ทั้งประเทศ
ออกเดินต่อไปประมาณ 2 กิโลก็ถึงวัดวั่นเมียว (Temple of Literature / Van Mieu Pagoda) ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนามและเป็นมหาลัยแห่งแรกของโลกที่มีการเรียนการสอนปริญญาเอก เนื่องจากเป็นสถานที่ใช้สอบจอหงวน (เทียบเท่ากับปริญญาเอกในปัจจุบันนั่นเอง) เสียค่าเข้าชมคนละ 40,000 VND
สำหรับผู้ที่มาสอบจอหงวน ถ้าเป็นลูกคนธรรมดาต้องรอที่ทั้งสองข้างของประตู เปิดทางให้ลูกของขุนนางไปก่อน
สระน้ำสี่เหลี่ยมนี้มีประโยชน์เอาไว้ใช้แทนกระจก ให้ผู้เข้าสอบชะโงกดูเงาตัวเองว่าแต่งตัวเรียบร้อยหรือยัง
เห็นป้ายหินวางบนฐานศิลาหลังเต่านี่คือบอร์ดประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านเป็นจอหงวน สลักไว้ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ถ้ามีชื่อตัวเองบนนี้บ้างคงเท่น่าดู
ในปัจจุบันที่นี่ยังคงเป็นวัดที่นักเรียนนักศึกษาเวียดนามนิยมมาขอพรในการสอบ ว่าแต่คุณน้องชายที่รักกำลังจะสอบเข้ามหาลัยพอดี ขอพรเข้าไว้นะไอ้น้อง สู้!
เดินจนหมดแรงก็ได้เวลาเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมกัน แท็กซี่ในเวียดนามเป็นที่เลื่องชือเรืองโกงมิเตอร์ ทางโรงแรมเลยแนะนำ taxi group ที่เชื่อถือได้มาให้ นั่นคือ Hanoi Group (คันสีขาว) และ Mai Linh Group (คันสีเขียว) ราคากลับจากวัดวั่นเมียวถึงโรงแรมในย่าน Old quarter อยู่ที่ประมาณ 40,000 VND
กลับไปนอนคนละชั่วโมง ก็ถึงเวลาออกตะลุยช่วงดึก วันนี้นัดเพื่อนชาวเวียดนามทานอาหารเย็นด้วยกัน เพื่อนบอกจะพาไปกินอาหารประจำชาติหรือเฝอนั่นเอง ให้ไปเจอกันที่ No.49 Ban Dat Street เราก็ปรึกษา Google Maps แล้วเดินตามไปเลย ดูจำนวนคนซะก่อน
ซักพักเพื่อนขับมอเตอร์ไซค์มาถึง จัดการหาที่นั่ง(ซึ่งเป็นร้านข้างๆ)และสั่งเฝอเนื้อมาให้ลองเสร็จสรรพ ทานคู่กับปาท่องโก๋ ต้องขอบอกว่าชามนี้เป็นเฝอที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมา
เม้าท์มอยกันเสร็จแล้วก็ได้เวลาแยกกัน พวกเราไปเดินเล่นแถว Night Street Market กันต่อ วันนี้ Hanoi ครึกครื้นเป็นพิเศษเพราะเป็นวันสิ้นปี มีการจัดแสดงแสงสีเสียงอย่างยิ่งใหญ่ แต่ดูจำนวนคนแล้วหนูขอไม่สู้
ขอเล่าประสบการณ์โดนโกงแบบซึ่งๆหน้า เกิดขึ้นจากฉันอยากลองชิมสตอเบอร์รี่สายพันธุ์เวียดนาม เลยไปสอบถามราคามา ป้าคนขายบอกว่าครึ่งกิโล 50,000 VND เห็นว่าราคารับได้เลยโอเค ป้าก็ตักมาให้ตามที่เห็นในรูป คือป้าคะ บ้านหนูเรียก 2 ขีด เลยส่ายหัวไม่เอา ป้าบอกงั้นจ่ายแค่ 40,000 VND พอ ฉันก็ยังส่ายหัวเตรียมเดินจาก พอดีคุณแม่ถือเงินอยู่ 500,000 VND ป้าแกคว้าไปเฉย เฮ้ย แล้วทอนมา 10,000 VND โหย ป้า กล้ามาก พอเราบอกว่าจ่ายแบงค์ 500 ไม่ใช่ 50 โว้ย (จริงๆป้ากระชากไป) ก็ดูป้ากลัวแล้วรีบไปหาเงินทอนมาทันที
บทเรียนที่ได้จากป้าในการช็อปปิ้งในเวียดนามคือ
- ห้ามถือเงินไว้เวลาซื้อของ ต่อรองให้เสร็จแล้วค่อยควักเงินออกมา
- มีสติ ระลึกอยู่ตลอดเวลาว่าถือเงินเท่าไหร่ ต้องท้วงทันทีในกรณีคนขาย(จงใจ)ทอนผิด
- พยายามใช้แบงค์ใหญ่กับร้านที่ไว้ใจได้
- ตัวอย่างร้านที่ไว้ใจไม่ได้ แผงลอยแบบนี้เลย
เหนื่อยกันมามากแล้ว ก็ถึงเวลาพาแม่กลับไปพักผ่อน ณ ห้องนอนอันแสนกว้างขวางของพวกเรา ขอ count down ในฝันละกันเน้อ
post หน้าพวกเราจะพาไปเที่ยว Halong bay ฉลองปีใหม่ แอบบอกว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ที่ลุ้นระทึกที่สุดในชีวิต อย่าลืมติดตามนะคะว่าฉันจะพาแม่ไปลำบาก เอ้ย backpack ที่ไหน
กำลังจะไปวันนี้พอดีค่าา ขอเก็บข้อมูลรัวๆ