Monthly Archives: October 2015

ชีวิตเด็กเรือ: #2 สอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์

หลังจากฝากใบสมัครไปกับคุณสำลี (ที่บินมาเยี่ยมที่สิงคโปร์พอดี) เพื่อไปหย่อนตู้ไปรษณีย์ในไทย (จริงๆก็อยากส่งที่นี่สิงคโปร์ แต่กลัวไม่ถึง) ก็ได้เวลาเตรียมตัว ไปค้นๆในอากู๋ ข้อมูลช่างน้อยเหลือเกิน ปั๊ดโถ่ จ่ายตังค์ค่าเครื่องไปแล้วนะเฟ้ยยย (ไอ้นี่งก) เลยตั้งใจว่า ถ้าสอบติดจะเขียนบล็อกแชร์ตอนไปสอบให้ได้ สำหรับคนที่ไม่มีใครให้ถาม เช่น ตัวฉันเอง เป็นต้น การสอบข้อเขียน มีจุดประสงค์เพื่อวัดความสามารถทางภาษาปะกิต ซึ่งเป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารตลอดโครงการ ข้อสอบปีนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. Structure/Grammar: ค่อนข้าง tricky มีตัวเลือกหลอกเยอะ ควรจะแม่นแกรมม่าในระดับหนึ่ง 2. Reading Comprehension: อ่านและวัดความเข้าใจธรรมดา 3. Essay: มีหัวข้อให้เลือก ประมาณ 4-5 หัวข้อ ให้เขียนอธิบายความคิดประมาณ 2 หน้ากระดาษ A4 ในปีที่ฉันสอบ มีหัวข้อคร่าวๆคือ มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการจัดตั้ง ครม. บลาๆๆๆ – เกี่ยวกับ political issues ขนาดนี้ นอกจากจะเสี่ยงที่จะตอบ (กลัวถูกโดนเอาตัวไปปรับทัศนคติ) แล้วยังไม่มีความรู้อีกตั้งหาก อันนี้เจนเรียนวิศวะมาเจนเลยผ่านนนนนนนนนนนนน การออมเงินของเยาวชน – คนส่วนใหญ่เลือกอันนี้ ...

Read More »

ชีวิตเด็กเรือ: #1 ทำไมถึงสมัครโครงการเรือ

หลังจากห่างหายไปจากวงการการเขียนบล็อกมานานมาก (จน spam ขึ้นเต็มเว็บ -.-) ก็ได้เวลา update ซักทีสินะ ซีรีย์นี้จะเขียนเกี่ยวกับโครงการเรือที่ฉันจับผลัดจับผลูไปสมัครมา เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่แปลกใหม่แหวกแนวจนอยากจะมาแชร์ โครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ (The Ship for Southeast Asian and Japanese Youth Programme – ย่อว่า SSEAYP ออกเสียง ‘เซียพ’) เป็นโครงการที่จัดโดยรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อสานสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ตัวแทนเยาวชนจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 11 ประเทศ ใช้ชีวิตอยู่บนเรือสำราญร่วมกันราว 2 เดือน ซึ่งเรือจะแวะเทียบท่าตามประเทศต่างๆด้วย ครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักโครงการนี้จากเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ‘ชีวิตดี๊ดี ได้ไปเที่ยวบนเรือสำราญโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย’ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะสมัครเข้าไป เพราะตัวเองไม่ใช่แนวทูตเจริญสัมพันธไมตรี จิตใจดี พูดไพเราะอยู่แล้ว วันๆ เอาแค่ไม่ทะเลาะกับลูกค้ายังต้องข่มจิตข่มใจอยู่ตลอดเวลา ตอนที่ได้ไปทำงานที่สิงคโปร์ ยามเย็นว่างๆก็ฉุกคิดขึ้นมาถึงโครงการนี้ เพราะเพื่อนร่วมงานคนที่เล่าให้ฟังนั้น เธอได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย เกือบจะได้ไปดันติดโครงการนี้ขึ้นมาซะก่อน เนื่องได้ข้อจำกัดทางด้านเวลา เธอเลยลาออกจากทุนซะเลย! สำหรับฉันที่มีความฝันสูงสุดคือการได้เรียนต่อต่างประเทศถึงกับอึ้ง แสดงว่าโครงการนี้มันคงจะมีอะไรดีแน่ๆ เลยลองถามอากู๋และก็ได้ความว่ากำลังเปิดรับสมัครพอดี เลยได้ที โหลดใบสมัครมานั่งอ่านพร้อมกับชวน(บังคับ)คุณสำลีให้สมัครด้วย ตอนนั้นคิดถึงเรื่องไททานิก มันคงจะโรแมนติกเป็นบ้าเลย คุณสมบัติหลักๆของคนที่จะสมัครได้คือ 1. สัญชาติไทยตามบัตรประชาชน ...

Read More »

ถึงพ่อ

ยี่สิบห้าปีที่แล้ว ตอนที่พวกเรายังอยู่ที่บ้านหลังเก่า พ่อพาฉันไปเดินเล่นในหมู่บ้านทุกเย็น เรามักเดินกันไปถึงคลองที่ผ่านกลางหมู่บ้าน ชะโงกดูแล้วพบว่าน้ำสกปรกมาก พ่อถาม “ดูสิ น้ำสะอาดขึ้นหรือยัง” เขาสัญญากับฉันว่า เราจะเดินไปดูคลองด้วยกัน จนกว่าน้ำจะสะอาดขึ้น พ่อพาฉันไปสวนสัตว์ทุกอาทิตย์ เพียงเพราะฉันอยากไปดูช้าง พ่อนั่งดูการ์ตูนเรื่องเดิมซ้ำๆเป็นเพื่อนฉันเป็นร้อยๆรอบ จนพ่อร้องเพลงได้ เมื่อคุณครูแจ้งมาว่าฉันอาจต้องซ้ำชั้น แม้จะเหนื่อยจากงาน พ่อกลับมาสอนหนังสือให้ฉันทุกวันจนฉันสอบผ่าน พ่อสอนฉันเสมอว่า ทำให้ดีที่สุด ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงก็ช่างมัน หลายครั้ง ฉันถามตัวเองว่า ทำไมต้องตั้งใจเรียน ทำไมต้องอดทนอ่านหนังสือมากมายขนาดนี้ แต่ในวันรับปริญญา พ่อ เดินเข้ามาตบบ่าหนักๆแล้วบอกฉันว่า “พ่อภูมิใจในตัวเจนมากที่สุด” วินาทีนั้น ทำให้ฉันตระหนักได้ว่า ที่ฉันทำมาทั้งหมดเพราะอะไร พ่อมักจะเอารูปที่ครอบครัวเราถ่ายด้วยกันสี่คนวันที่ฉันรับปริญญามาดูอยู่บ่อยๆ แล้วนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว เมื่อฉันเริ่มทำงาน ทุกครั้งที่ท้อ หมดกำลังใจ มีพ่ออยู่เคียงข้าง ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ แม้กระทั่งตอนที่ตัวพ่อไม่สบาย เจ็บเจียนตาย พ่อบอกฉันว่า พ่อไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นกังวล ฉันได้โอกาสไปทำงานต่างประเทศ พ่อบอกให้ไปตามความฝัน ไปสร้างอนาคต อย่าลังเล ไม่ต้องห่วงทางนี้ ทุกครั้งที่โทรไป คำพูดที่ได้ยินเสมอก่อนจะวางสาย คือให้ดูแลตัวเองดีๆ และพ่อรักลูกมาก แม้อาการจะทรุดแค่ไหน พ่อไม่ให้ใครบอกฉัน เพียงเพราะเป็นห่วงว่าลูกจะเป็นกังวล ในวาระสุดท้ายของชีวิต คำขอเดียวของพ่อคือ ให้ดูแลแม่และดูแลน้องให้ดี ...

Read More »