ถึงแม้วันนี้จะเครียดสุด แต่ก็มีรูปสวยๆให้เห็นบ้างนะ
ตารางเที่ยววันนี้ ทำอะไรไม่ได้มากเพราะเสียเวลากับการหาทางกลับไป Istanbul ซะเยอะ แต่ก็ตื่นเต้นดี อิอิ
19 Feb 2015
วันนี้มีไฟลท์จาก Kayseri ไป Istanbul แต่เช้า แต่เนื่องจากพายุหิมะที่มีต่อเนื่องเมื่อวาน ก็หวาดเสียวอยู่ว่าเครื่องจะขึ้นได้ไหม
คุณสำลีปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ เสิร์ช Google ดูแล้วพบว่า flight ถูก cancel ฉันรีบเช็คอีเมลแต่ไร้วี่แววการติดต่ออย่างเป็นทางการจากสายการบิน Pegasus ที่จองไว้ แต่ตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวไปสนามบิน
ออกผจญภัยด้วยใจสั่นๆ
พนักงานรีบเรียกแท็กซี่โดยพลัน ฉันลองสอบถามเรื่องการเดินทางด้วยรถทัวร์แต่พนักงานบอกว่าถนนแบบนี้รถทัวร์ไม่น่าจะวิ่งได้ แง่ววว
บรรยากาศนอกแท็กซี่ หิมะปลิวไสวเชียว
10 นาทีถึงสนามบิน ค่าโดยสารแพงลิบลิว 15.30 TL คนขับทอนผิดแถมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ซักพักต้องเอาเครื่องคิดเลขมากดให้ดูเลยทีเดียว
เริ่มขึ้นสถานะว่า Cancel ทีละเที่ยวบิน ซักพักก็ได้ความว่าบินไม่ได้นะคร้าบบบบบบบบ ทำไงฟะเนี่ยยยยย
ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน พยายามมองหาพนักงาน Pegasus ไร้วี่แวว สอบถามยาม สอบถามพนักงานของสายการบินอื่นๆ ไม่มีใครพูดปะกิตได้ซักคน
เห็นว่า Onurair ยังบินได้ แม้จะ Delay 3 ชั่วโมง เลยลองไปต่อเที่ยวซื้อตั๋ว ภาวนาขอให้มีที่นั่งเหลือซัก 2 ที่เถิดดดดดดด
บรรยากาศชุลมุนมาก ผู้โดยสารมาออกันตรึม มีทั้งตกค้างจากเมื่อวาน (เมื่อวานบินไม่ได้ทั้งวัน) พลาด flight connection บลาๆ จนถึงคิวพวกเรา พยายามซื้อตั๋วเครื่องบิน 2 ที่ แต่พนักงานพูดอังกฤษแทบไม่ได้ โชคดีที่ผู้โดยสารที่ต่อแถวข้างหลังสามารถแปลไปภาษาตุรกีให้พนักงานได้ ในที่สุดก็ซื้อตั๋วได้ในราคาแสนแพง คือ 246 TL (3,200 THB) ต่อคน เรียกได้ว่าแทบหมดตัว เกทับราคาตั๋ว Pegasus ที่ซื้อ 6 เดือนล่วงหน้า 15 EUR (ุ600 THB) อย่างไม่ติดฝุ่น
หลังจากเดินกระเป๋ากันไม่นาน พนักงาน Pegasus ก็มาประจำที่ เรียกได้ว่าผู้โดยสารที่รออยู่แทบจะกรูเข้าไปทึ้ง พวกเราก็ไปต่อคิวเพื่อ refund เงินคืน แอบฟังข้างหน้าคุยกันได้ความว่าไฟลท์มีอีกทีเสาร์เช้า พ่องงงงงงงงง นี่ยังวันพฤหัสอยู่เลย รู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่ไปซื้อตั๋วอีกสายการบินมาแล้ว พอถึงคิวพยายามขอเอกสารยืนยันว่า flight cancelled เพื่อยื่นหลักฐานกับประกันที่ซื้อมา แต่พนักงานพูดอังกฤษไม่รู้เรื่อง (เช่นเคย) พยายามไล่อย่างเดียวแต่อย่างน้อยก็ refund สำเร็จละวะ
เสร็จภารกิจ ก็ไปโหลดกระเป๋า หาที่แปรงฟัน (ตอนเช้าตื่นเต้นจัดเลยลืมจนคุณสำลีบ่นว่าปากเหม็น ฮ่าๆๆๆ) แล้วก็หาอะไรกิน
ที่พึ่งพิงของพวกเรา พร้อม Wi-fi ให้โพสต์ facebook ขอความเห็นใจจากเพื่อนๆ =..=
เครื่องบินมาล่ะ
ระหว่างที่นั่งรอไปได้เกือบ 2 ชั่วโมงอีกสายการบินหนึ่งที่ไปได้ก็เปลี่ยนสถานะเป็น cancel เฉย ส่วนเที่ยวบินที่พวกเราเพิ่งจองมาหมาดๆก็เลื่อนเวลา delay จาก 3 ชั่วโมงเป็น 5 ชั่วโมง 25 นาที เวงงงงงงงงงงงง
กัปตันและลูกเรือที่เพิ่งมาเลยต้องมารอด้วยกัน ถือโอกาสประชุมทีม
พวกเราเริ่มร้อนรน เลยปรึกษากันว่าจะนั่งแท็กซี่ไปดูที่ Otogar (สถานีรถบัส) ว่ารถบัสออกได้ไหม ถ้าไม่ได้ หนทางสุดท้ายคือรถไฟละนะ TT
วิ่งลงไปถามพนักงานว่ามีโอกาสเครื่องออกก่อนไหม กลัวกลับมาไม่ทัน พนักงาน(ที่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้)บอก noooooooooooooooooo ลากยาวมาก โอเค โนก็โน แต่มีลางสังหรณ์ตะงิดๆ คำนวณเวลาคราวๆแล้ววิ่งออกไปหาแท็กซี่
ค่าแท็กซี่ไป Otogar ก็แสนจะแพง 35 TL สุดใจขาดดิ้นมาก
ถึงล่ะ เอ้ย นี่มันมัสยิดหน้า Otogar แต่คนขับท่านส่งแค่นี้ ให้เดินด็อกแด๊กเข้าไปกันเอง เพราะไม่งั้นต้องเสียค่าจอดรถ
ไกลเหมือนกัน
เห็นรถวิ่งเข้าวิ่งออกก็โล่งใจขึ้นนิดนึง เผื่อว่าเครื่องบินขึ้นไม่ได้จริงๆจะได้จับรถบัสไป Istanbul ได้ เดินไปสอบถามราคาได้ความว่ามีหลายรอบเหมือนกัน ค่ารถประมาณ 60-70 TL เดินทางกันมันส์ 8-10 ชั่วโมง
เข้าหาอะไรกินเป็นชิ้นเป็นอันเนื่องจากที่สนามบินมีแต่ของหวานขาย เจอ Kebab อันล่ะ 4 TL ราคาของที่ Otogar โดยรวมไม่แพงเมื่อเทียบกับที่สนามบิน
ซื้อหมากฝรั่งตุรกีมาลองด้วย เห็นว่าถูกดี แต่รสชาติเหมือนเคยมีใครเคี้ยวมาแล้วเอามาปั้นเป็นก้อนขายใหม่ กินไปอันที่เหลือทิ้ง 5555
กินกันเสร็จคุณสำลีชวนเดินเล่นอีกพักแล้วค่อยกลับเพราะยังเหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมง แต่ฉันมีลางสังหรณ์ตะงิดๆเลยชวนกลับเลย
ค่าแท็กซี่ที่นี่แพงจริงจัง ค่ากลับโดนไปอีก 40 TL รวมไปกลับ 75 TL พอๆกับค่าน้ำมันของการเช่ารถขับ 2 วันที่ผ่านมา เศร้าแปป T^T
แล้วลางสังหรณ์ก็เป็นจริง กลับมาเค้าเรียก boarding ล่วงหน้ากัน จากตอนแรก board 12.55 ตอนนี้ 11.25 คนอยู่บนเครื่องเกือบหมดแล้ว แม่เจ้า วิ่งกระหืดกระหอบไปขึ้นเครื่องเล่นทีเดียว ดีนะตัดสินใจกลับมาก่อน
ดีใจถึงขีดสุด ได้กลับแล้ว
ความจริงก็แอบสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมสายการบินนี้ขึ้นบินได้ แต่เอาวะ ทำประกันชีวิตไว้แล้ว เฮ้ย
วิ่งไปถึงคนนั่งกันอยู่เต็มเครื่อง รีบหาที่นั่งด้วยความสำนึกผิดเล็กน้อย แต่ความจริงกว่าเครื่องจะออกอีกชั่วโมงกว่า เจ้าหน้าที่เอาน้ำฉีดปีก วิ่งวนไปวนมา แล้วก็ขึ้นได้ในที่สุด
สำหรับใครที่ซื้อประกันการเดินทางไว้อย่าลืมรวบรวมหลักฐานเพื่อเคลมดังนี้
1. ตั๋วเครื่องบินที่ถูก cancel (Unused flight) พร้อมใบเสร็จ
2. ตั๋วเครื่องบินที่ซื้อใหม่พร้อมใบเสร็จ
3. เอกสารจากทางสายการบินว่าเครื่อง cancel
4. ข่าวที่มีการบอกว่าทำไมเครื่องถึง cancel
ข้อ 4 ถ้าหาได้จะมีประโยชน์มาก เนื่องจากกรณีพวกเรา Pegasus ไม่ยอมออกเอกสารให้ ส่งคำร้องไปภายหลัง โทรไปตามเป็นสิบรอบก็แล้วก็เงียบหาย ฉันเลยโทรไปคุยกับประกันและพอดีว่าหาข่าวเก็บไว้เขียนบล็อก (ก๊าก) เลยได้เงินค่าตั๋วที่ซื้อใหม่คืนมา คือได้เงินคืนมาเรียบร้อยแล้ว อีก 2 อาทิตย์ Pegasus ถึงส่งเอกสารมา ช่างเศร้าใจนัก
ของคุณสำลี ซื้อประกันจากไทยของ AIG (ต้องซื้อจากประเทศที่พำนักอยู่ ณ ตอนนั้น) แพงกว่าของฉันที่ซื้อจากสิงคโปร์ 2 เท่า นางต้องส่งเอกสารเป็นกระดาษผ่านทางไปรษณีย์ แม้เจ้าาาาาาาาาา ตรูจะเป็นลม นี่มันยุคไหนแล้ว สามอาทิตย์กว่ายังไร้วี่แวว ชักช้ามากขอบ่นหน่อย ป่านนี้ยังไม่ได้เงินคืน
วกกลับมาบนเครื่องบิน บินแผล็บเดียวก็ถึง Istanbul แต่กว่าเครื่องจะลงจอดได้ต้องบินวนไปวนมาถึง 45 นาที เนื่องจาก traffic หนาแน่น มีเที่ยวบินตกค้างจากเมื่อวานค่อนข้างมาก (รู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่พวกเราไม่ได้จองมาเมื่อวาน) ในที่สุดพวกเราก็ได้สัญญาณให้ลงจอดได้ เฮ้ย เมื่ออาทิตย์ก่อนยังดีๆอยู่ ทำไมวันนี้มันขาวแบบนี้
ซูมชัดๆ ขาวมาก
แม้จะทำให้เมืองสวยขึ้นแต่หิมะก็สร้างความลำบากอย่างมากในการเข้าจอดของเครื่องบินเหมือนกัน อย่างลำนี้ออกไม่ได้ ล้อติดหิมะ ต้องไปตามรถกวาดหิมะมาช่วย พวกเราดูไปก็ขำไป มีพากย์เสียงประกอบด้วย หารู้ไม่ลำที่ตัวเองนั่งมาประสบปัญหาเดียวกัน ต้องนั่งรออยู่ในเครื่องอีกกว่าชั่วโมง
ลองใช้รถเข็นกับเค้าหน่อย ต้องใส่เหรียญ 1 TL เข้าไปแล้วโซ่ถึงจะหลุดออก เข็นเล่นอยู่แป๊บเดียวลำบากตอนเก็บอีกเพราะต้องหารถเข็นอีกคันมาเอาเหรียญออก
นั่งรถเข้าเมืองไปหาโรงแรมเหมือนวันแรกเป๊ะ เริ่มจาก Havalimani (M1) เปลี่ยนขบวนที่ Zeytinburnu (T1) ไปลงที่ Sultanahmet (T1)
ลงรถรางมาถึงกับตะลึง ฟ้าเปิดดดดด
แทบกระโดดด้วยความดีใจ แม้ต้องรีบทำเวลาเพื่อไปถ่าย Maiden Tower ช่วงอาทิตย์ตกแต่ก็ขอซักรูป 2 รูปเถอะนะ
Blue Mosque
Hagia Sophia
ไม่แน่ใจว่านางเอาเวลาตอนไหนถ่าย แต่รูปนี้สวยฝุดๆ
ขออีกรูป อย่าเพิ่งเบื่อ นานๆเจอวิวสวยๆ
โรงแรมที่เรามาพักรอบนี้ชื่อ Artefes Hotel อยู่ลึกกว่า Hippodrome Hotel ที่พวกเราพักวันแรกสุด เดินไกลจากสถานีรถรางพอสมควรเลย
โดนไปคืนละ 1,860 THB เราจะพักที่นี่กันสองคืนสุดท้ายก่อนกลับบ้านค่ะ เชิญชม
ห้องน้ำ เกลียดชักโครกที่นี่อย่างรุนแรงเพราะที่บิดน้ำบิดยากมาก มือก็แตกจนแสบอยู่แล้ว ต้องให้มาออกแรงบิดเพื่อบิดน้ำนี่เป็นอะไรที่ลำบากมาก แอบเลือดออกไปหลายที
อย่าเรียกว่าพักเลย โยนกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปเลย ต้องรีบไปหา Maiden Tower เดี๋ยวแสงหมด
แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว ระหว่างทางแอบผ่านลาน Hippodrome ซึ่งเป็นสนามม้าโบราณ ฟ้าสวยมากเลยขอชมซักหน่อย
จุดเด่นจะประกอบด้วย 3 เสา เสาแรกชื่อ เสาโอเบลิสค์ (Obelisk) ฟาโรห์จากอิยิปต์ทรงมอบให้ ตัดเป็น 3 ส่วนและขนลงเรือส่งทางทะเลมาถึง Istanbul สูญหายไป 2 ส่วน (สุลต่านท่านคงหัวใจเกือบวาย) แต่ด้วยเดชะบุญส่วนที่รอดมาคือส่วนปลายที่ยาว 20 เมตร ลองนึกสภาพส่วนกลางรอดมา =..= เสาต้นนี้ตั้งอยู่ประมาณ 1650 ปีแล้ว ทั้ง 4 ด้านจะจารึกเป็นภาษาอียิปต์บันทึกถึงชัยชนะในสงครามของฟาโรห์ตุทโมซิสที่ 3 ขลังมาก
ที่เห็นรอยน้ำนี่ไม่ได้เกิดอาถรรพณ์หยดน้ำมันใดๆทั้งสิ้น หิมะละลายเน้อ 555
ต้นต่อไป เสาบรอนซ์รูปงู อาจจะงงว่าไหนฟระงู เพราะเสานี้ชำรุดเสียหายไปมากแล้ว หัวงูเดิมมี 3 หัว สูญหายไป 2 อีกหัวถูกเก็บในพิพิธภัณฑ์ซักแห่ง
ต้นสุดท้าย เดิมฉาบด้วยทอง ถูกข้าศึกเลาะเอาไปหมด อารมณ์เจดีย์กรุงศรีที่ถูกพม่ามาเผ่าเอาทองไป เคยใช้สำหรับปีนแข่งตามงานประเพณีต่างๆ
หลังจากชม Hippodrome กันแบบเร็วๆแล้ว (เร็วมาก วิ่งไป ลื่นหิมะไป ถ่ายรูปไป) เราก็รีบขึ้นรถรางไปลงสถานี Karakoy เพื่อนั่งเรือข้ามฝากไปฝั่งเอเชีย
ขออัญเชิญแผนที่เพื่ออธิบายการเดินทางคร่าวๆ
ท่าเรือหลักๆจะมีอยู่ 4 ท่า ได้แก่ Karakoy และ Eminonu ฝั่งยุโรป / Uskudar และ Harem ฝั่งเอเชีย
เราสามารถนั่งเรือจาก Karakoy หรือ Eminonu เพื่อข้ามฝากไป ถ้าลง Uskuare ให้เดินลงมา ลง Harem ให้เดินขึ้นไป
Karakoy (1,2) มีท่าเรือ 2 จุด ขาไปพวกเราไปจุดที่ 1 ข้ามไป Uskudar (4) ขากลับพวกเราขึ้นที่ Uskudar เหมือนเดิมแต่ไปลงที่ Eminonu (3)
ลงรถรางมารู้เลยว่าไปไม่ทัน Maiden Tower ตอนทไวไลท์แล้ว กระซิกๆ
กว่าจะหาท่าเรือเจอเล่นเอาลื่นไปหลายทีเพราะหิมะกำลังละลายได้ที่ ตอนแรกพวกเราไปจุดที่ 2 ก่อนแต่ไม่มีเรือออกแล้ว ถามไปถามมาต้องวกไปจุดที่ 1 ซึ่งมีเรือรอออกอยู่พอดี
ขึ้นเรือได้นี่ถ่ายรูปกันมันส์ คนท้องถิ่นเค้าหลบลมหนาวไปอยู่ข้างในกันหมด เหลือกระโดดโลดเต้นกับวิวกันอยู่ 2 คน
ซูม Süleymaniye Mosque
อีกมัสยิดอยู่ลิบๆ ไม่รู้ว่าชื่ออะไรเหมือนกัน
สะพาน Galata ยามอัสดง
บ้านเรือนอีกฝั่ง
ซักพักเรือเริ่มออก
ฟิ้ววววววววววววว
บ๊ายบายฝั่งยุโรป
วิวแบบนี้หนาวแค่ไหนก็ไม่แคร์ แค่กดชัตเตอร์ลำบากเท่านั้นเอง (นิ้วแข็งแย้วววว)
ฟ้าม่วงๆ
ลงเรือมาก็มืดแล้ว เลยไม่รีบมาก ค่อยๆเดินกันไปตามหา Maiden Tower
เดินจากท่าเรือ Uskudar ไปเกือบกิโลก็ถึง
ตามตำนาน มีคำทำนายว่าเจ้าหญิงแสนสวยองค์หนึ่งจะถูกงูกัดจนสิ้นพระชนม์ พระราชาเลยส่งมาขังไว้ที่หอคอยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ก็ไม่วายมีงูติดมากับตระกร้าผลไม้ที่ส่งมาให้เจ้าหญิงกิน เลยถูกงูกัดตายในที่สุด
“เพ้อแล้วเธอ” ระหว่างกำลังเล่าอยู่ คุณสำลีซึ่งยืนตั้งใจถ่ายรูปเปรยออกมาอย่างไม่กลัวโดนถีบตกทะเล อ้าว ก็หาข้อมูลมาแบบนี้
แต่ในความเป็นจริงคงเป็นหอคอยทางทหารอะไรซักอย่างนี่แหละ ชิ
ก่อนถีบลงทะเล ก็ขอโรแมนติก 1 รูป หนาวมากๆ ณ จุดๆนี้
ขอจบวันอันเหนื่อยล้ากันเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เดี๋ยวพาไปช็อปปิ้งซื้อของฝากกันเน้อออ