อีกอึดใจเดียวจะได้ไปแล้วจ้า อย่าเพิ่งเบื่อการเตรียมตัวกันซะก่อน มาต่อกันเลย
6) อินเตอร์เน็ต…ขาดเธอเหมือนขาดใจ
ต้องยอมรับจริงๆเลยว่า อินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพราะมันเป็นแหล่งความช่วยเหลือยามจำเป็นที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ฉันชะล่าใจ เพราะคิดว่ายังไงทุกโรงแรมมี wifi ให้ใช้ แล้วเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อกับใครมากนัก เลยตัดสินใจไม่เช่าหรือซื้ออะไรทั้งนั้น ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้พอสมควร ขอแนะนำว่า ถ้าหาซื้อซิมการ์ดไม่ได้ ให้หาเช่า pocket wifi เอา ช่วยได้มากในด้านเส้นทาง โดยเฉพาะคนที่ตัดสินใจขับรถเที่ยวเอง หามาใช้เถอะถ้าไม่แพงมากจนเกินไป
7) ประกันการเดินทาง…เผื่อมีเซอร์ไพรส ประกันไว้อุ่นใจกว่า
จากทริปที่ผ่านๆมา ไม่เคยได้คิดถึงการซื้อประกันการเดินทางซักแว็บเดียว แต่พอดีมีพี่ที่รู้จักหลายๆคนเจอเซอร์ไพรส์ระหว่างไปเที่ยวแล้วเผอิญว่าซื้อประกันไว้ เลยโชคดีได้เคลม พี่เค้าก็แนะนำว่าให้ซื้อ เพราะฉันเดินทางโดยใช้เครื่องบินค่อนข้างเยอะ สิริรวมแล้ว 5 ไฟลท์ มีสิทธิ์ที่กระเป๋าจะดีเลย์หรือหายค่อนข้างสูง เผื่อว่าของหายอะไรหายด้วย เลยตัดสินใจซื้อๆไป เอาแบบราคาต่ำสุด ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะได้ใช้ T^T
เวลาตัดสินใจซื้อประกัน ให้ลองพิจารณาถึงสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น
– ตัวเองหรือเพื่อนร่วมทริปไม่สบายทำให้ต้องยกเลิกที่เลื่อนทริปออกไป
– ไฟลท์ delay (ซื่งจะได้เงินคือ delay เกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป) หรือยกเลิก
– กระเป๋า delay หรือสูญหาย
– ทรัพย์สินโดนขโมยหรือสูญหาย
– บาดเจ็บหรืออุบัติเหตุอื่นๆ
– ฯลฯ
ที่สำคัญคือ ต้องพิจารณาความสะดวกเวลาเคลมด้วย คุณสำลีซื้อประกันแพงกว่าฉันเท่าตัว (ขนาดซื้อที่ไทยเพราะต้องซื้อกับประเทศต้นทาง) เหตุเกิดแล้วจะมาเคลม โอย พี่แกให้เคลมทางไปรษณีย แม่เจ้า มันสมัยไหนแล้ววววว
อีกอย่างคือ เวลาเกิดเซอร์ไพร์สเหล่านี้ขึ้นจริงๆอย่าลืมขอหลักฐานมาด้วย เช่นถ้ากระเป๋า delay ต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากสายการบิน ของหายต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เป็นต้น ถ้าหาสายการบินมันไม่ให้จริงๆ จงถ่ายรูป monitor ที่มี flight status มา หาข่าวที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เครื่องบิน delay หรือถูกยกเลิกไว้ได้เลย ได้ใช้แน่นอน
เสริมเล็กน้อยๆ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์กระเป๋า delay เนื่องจากมีการต่อเครื่อง พยายามวางแผนให้คืนแรกยังพักอยู่ที่เมืองต้นทาง เผื่อว่ากระเป๋าตามมาอีก 1 วันให้หลังจะได้มาส่งที่โรงแรมในเมืองนั้นๆได้ และเอาเสื้อผ้าอุปกรณ์กันหนาวติดไปพอใส่ 1 วันกับกระเป๋าเล็กที่เอาขึ้นเครื่องไปด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเที่ยวไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ ประหยัดทั้งเงินและเวลาเด้อ
8) จัดกระเป๋า…All my bags are packed, I’m ready to go
ดูเหมือนง่ายแต่จัดกันเป็นเดือน (อะไรมันจะขนาดน้านนน) ที่นานเพราะไม่เคยไปเมืองหนาวขนาดติดลบมาก่อน ไม่แน่ใจว่าควรจะใส่อะไรดี แค่ไหน เท่าไหร่ แถมยังจะไปเล่นสกีอีกต่างหาก เลยต้องหาข้อมูลและซื้อทุกอย่างใหม่หมด พักเรื่องอุปกรณ์กันหนาวไว้ก่อน มาดูของใช้พื้นฐานก่อน บางอย่างก็แบ่งกันเอาไปกับเพื่อนร่วมทริปได้ บางอย่างอาจไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับสถานที่และช่วงเวลาที่เราจะไปค่ะ
a. Very Important Stuff
- Passport & Copy of Passport – ปริ๊นท์ฉบับคัดลอกไปด้วยจ้า เผื่อทำหล่นหายที่ไหนจะได้กลับประเทศได้
- เงินสด – จงแลกไปตามที่คำนวณไว้เมื่อกี้
- บัตรเครดิต – เผื่อเงินสดหมด
- E-ticket/boarding pass
- หลักฐานจองโรงแรมทุกแห่ง
- นามบัตร – พกไว้ไม่เสียหลาย เผื่อถูก ตม. ดัก โดยเฉพาะหญิงไทย แอบเซ็งแต่ก็ต้องยอมรับชะตากรรม
- ID Card/Work Permit
- Travel Insurance
- แผนการเดินทาง – ปริ๊นท์ไปหลายๆฉบับเลย เผื่อหาย
- ปากกา – เอาไว้กรอกเอกสาร จดนู่นนี่
b) เสื้อผ้า
- เสื้อ – ใครไปเมืองหนาว ไม่ต้องเอาไปเยอะหรอก ใส่ซ้ำไปก็ไม่มีใครสังเกตเพราะใส่เสื้อกันหนาวอยู่ตลอดเวลา ฉันใส่ซ้ำจนคุณสำลีค่อนแคะว่าซกมก เชอะ
- กางเกง – อันนี้ซ้ำไป 4 วันรวด ก๊ากกก
- เสื้อใน/กางเกงใน – อันนี้ลืมแล้วยืมบ่ได้ สำหรับกางเกงในใครมีไม่พอก็ไปซักเอากลางทริป แต่ถ้าไม่มีเวลาและต้องเปลี่ยนโรงแรมทุกวันก็ขนไปเถอะ มิฉะนั้นอาจจะเน่าได้
- ชุดนอน
c) อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำ & แต่งตัว
- ยาสระผม/ครีมนวดผม/สบู่เหลว – จริงๆทุกโรงแรมมีให้อยู่แล้ว แต่ถ้ากลัวรับกลิ่นไม่ได้ ไม่คุ้น ก็ขอให้จงแบกไปเอง
- ยาสีฟัน/แปรงสีฟัน
- โฟมล้างหน้า
- เครื่องสำอาง
- โรลออนและสเปรย์ระงับกลิ่นกาย
- ลิปมัน/ครีมทาผิว – ย้ำว่าสำคัญมากกกกกกก สำหรับคนไปเมืองหนาว อากาศมันแห้งงง ได้ใจจริงๆ
- ทิชชู่/ทิชชู่เปียก – เผื่อไว้ว่าไม่มีน้ำให้ฉีดก้นเวลาปลดทุกข์
- ที่ผูกผม/เจลแต่งผม
- มีดโกนหนวด/มีดกันคิ้ว/กรรไกรตัดเล็บ – ห้ามเอาขึ้นเครื่อง โหลดโลด
- แว่นตา/คอนแทคเลนส์/น้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์
- ผ้าอนามัย
- ครีมกันแดด
d) ยา
- แก้ปวด/แก้แพ้/แก้ไข้
- ท้องอืด/ยาถ่าย
- คลายกล้ามเนื้อ/ยานวด
- ยาหม่อง/แซมบัค
- วิค (คัดจมูก)
- ยาแดง/พลาสเตอร์
- น้ำตาเทียม
- ยาอม/หมากฝรั่ง (ไว้ตอนขึ้นเครื่อง) – เศร้ามาก หาซื้อหมากฝรั่งไม่ได้ในสิงคโปร์ ต้องไปซื้อที่อินโดนีเซียแล้วแอบลักลอบนำเข้าประเทศ
- ผ้ายืดสำหรับรัดเข่า แขน – อันนี้เผื่อไว้สำหรับคนที่ไปแบบ backpack ต้องแบกกระเป๋าหนักๆ เผื่อแข้งขาอักเสบ (เพราะเราไม่ได้พกกันไป ฉุกละหุกมาก)
e) อื่นๆ
- เป้ใบเล็กแบบ daypack
- ถุงพลาสติกใส่เสื้อใช้แล้ว
- กระเป๋าคาดเอว ใส่ passport และเงินสด
- ปลั๊กพ่วง/หัว converter
- กล้องถ่ายรูป/แบตสำรอง/เมมสำรอง/ขาตั้ง/ที่ชาร์ต
- ไฟฉาย/ร่ม/แว่นตากันแดด (แล้วแต่สถานที่และกรณี)
- โทรศัพท์มือถือ/ที่ชาร์ต/powerbank
f) อุปกรณ์กันหนาว
ต้องรีวิวกันยาว เลยเอามาไว้สุดท้าย หมวดนี้เป็นหมวดที่ยากที่สุดแล้วสำหรับมนุษย์เมืองร้อนอย่างฉันที่วันๆใส่แต่เสื้อยืดและขาสั้น เคยชินแต่อุณหภูมิระดับไขมันแทบละลาย เลยต้องหาข้อมูลแบบพลิกปฐพี จนไปเจอกระทู้ในพันทิพที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าเมืองหนาวโดยเฉพาะกระทู้นี้ How to live : How to cloth : ในอุณหภูมิติดลบ ร่วมกับความรู้ได้จากพี่ๆน้องๆที่เคยใช้ชีวิตแบบ(อุณหภูมิ)ติดลบมาก่อนแและความรู้ที่แอบไปถามมาจากคนขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาว ที่ช่วยชีวิตน้อยๆของฉันและคุณสำลีไว้ ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
สำหรับคนที่เตรียมไปหนาว (ถ้าจะไปตุรกีฤดูร้อนขอให้ผ่านไปได้เพราะมันร้อนตับแตกเยี่ยงที่ไทยยังไงยังงั้น) ขออัญเชิญให้ท่านรู้จักกับการแต่งกายแบบ Layer Up นั่นก็คือแต่งหลายๆชั้นนั่นเอง เนื่องจากพอเข้าที่อุ่นหรือไปไหนที่อากาศอุ่นขึ้นจะได้เลือกถอดออกได้บางชั้น
ชั้นแรก Baselayer
เป็นชั้นที่ใส่ถัดจากเสื้อในและกางเกงใน จะเรียก long john/long underwear/thermal underwear ก็ได้ ชั้นนี้สำคัญมว๊ากกกกกกกเพราะจะช่วยเก็บความร้อนของร่างกายไว้ บางคน(และฉัน)คิดว่ายิ่งหนายิ่งอุ่น แต่จริงๆไม่ใช่นะ บางๆก็อุ่นได้ แล้วแต่เทคโนโลยีที่ใช้ แนะนำว่าใช้บางๆดีกว่า ระบายอากาศได้ดีแถมเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่าด้วย
สำหรับผู้ที่มีงบค่อนข้างเยอะ ขอแนะนำ The North Face และ Columbia 2 ยี่ห้อหลักที่รับประกันความอุ่น แต่อาจทำให้ท่านกระเป๋าฉีกได้เช่นกัน เพราะแค่เสื้อก็ปาไปพันกว่าเกือบ 2 พันก็มี นี้ยังไม่รวมกางเกง แต่คิดดูว่าถ้าไปสิบวันขึ้นอาจจะต้องใช้ 2 ชุดสับเปลี่ยนกันไป โอ้ววว
อีกทางเลือกของผู้ไม่มีอันจะกิน คือประมาณแค่ซื้อตั๋วเครื่องบินได้ก็บุญแล้วอย่างพวกเรา ขอแนะนำให้รู้จัก Uniqlo แบรนด์จากญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นและราคาย่อมเยาว์ เทคโนโลยีที่ใช้เรียกว่า Heat Tech ซึ่งถือว่าอุ่นใช้ได้ ราคาไม่แพงมากตอนลด ตกอยู่ที่ 375-500 บาท มีให้เลือกซื้อหลายทรงหลายสี
ชั้นที่สอง เสื้อธรรมดา อันนี้รู้กันนะคะ ขอผ่าน
ชั้นที่สาม เสื้อขนเป็ด (Down Jacket)
เสื้อขนเป็ด หรือที่เรียกกันว่า down jacket แต่ฉันเรียกมันว่าเสื้อมิชลิน เพราะใส่แล้วเหมือนมาสค็อตโฆษณายางรถยนต์ เป็นตัวการความอุ่นที่สำคัญ วันแรกๆของทริปยังชะล่าใจไม่ใส่ชั้นนี้ ผลปรากฎว่าเดินสั่นกันเลยทีเดียว พกไปไม่เสียหลาย เพราะสามารถม้วนเก็บได้ มีให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อ ถ้าเป็น The North Face หรือ Columbia ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 8,000 – 12,000 บาท แต่อุ่นและบางจริงแบบตัวเดียวแทบจบ แค่อาจจะต้องใส่กันลมอีกซักหน่อย งบน้อยอย่างเราเลยได้แต่สอบถามราคาและเดินจากไป กระซิก ตัวที่เราสอยมาจาก Bossini ในช็อปที่สิงคโปร์ เนื่องจากมีโปรโมชั่นลดเหลือประมาณตัวละ 1,500 บาท เลยเสร็จโก๋
เวลาเลือกซื้อให้ดูด้วยว่าเปอร์เซ็นต์ขนเป็ดเป็นเท่าไหร่ จะมีเขียนบอกไว้ที่ป้ายเสื้อ เช่น Down 90% คือมีขนเป็ด 90% ที่เหลือเป็นใยสังเคราะห์ พยายามเลือกเปอร์เซ็นต์สูงๆไว้ก่อน จะได้อุ่นๆเด้อ
ชั้นที่ 4 Fleece Jacket และ ชั้นที่ 5 Shells
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เอารูปมาให้ดูเลย
ชั้นนี้ถ้า down jacket คุณเจ๋งจริง ก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มันมักจะขายติดมากับชั้นที่ 5 ซึ่งค่อนข้างจำเป็นในการกันลม ความจริงอากาศเย็นนี่ยังไม่เท่าไหร่ เจอลม ฝน เข้าไปนี่แทบกระอัก ถ้าใครจะไปเล่นหิมะหรือมีโอกาสต้องเดินหนาวกลางฝน ให้พยายามหาซื้อแบบ waterproof ด้วยจะดีมาก
เนื่องจากไปเจอ Columbia ลดพอดีที่ช็อปสิงคโปร์ เหลือตัวละ 5,000 บาท ปกติจะตกอยู่ที่ 8,000 – 12,000 บาท ถูกมาก กลับไปหาที่ไทยจนเหนื่อย มีแต่แพงๆแล้วไร้ส่วนลด เลยจัดมาทั้งของตัวเองและคุณสำลีแล้วแพ็คส่งกลับไทยคู่กับ down jacket ที่ซื้อมาก่อนหน้า ถึงสีมันจะแจ๊ดไปแต่มันก็ถูกละวะ ท่านพ่อบอกว่าจะได้เด่นๆกลางหิมะไงลูก แหมะ เด่นซะ
ถ้าไม่นับสีแล้ว ฉันชอบตัวนี้มากเพราะมันถอดแยกตัวในตัวนอกได้ แม้กระทั้งหมวกยังถอดออกได้ สะดวกมาก
ถุงมือ
สิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว ฉันดันไปงกในนาทีสุดท้ายตัดสินใจซื้อของโนเนมกะโหลกกะลามา ผลที่ได้คือหนาวเกือบตาย เสื้อ 5 ชั้นที่ใส่มาเมื่อกี้แทบไม่มีค่า ต้องไปหาซื้อเอาใหม่ ซื้อก็ไม่ได้ดีมากนัก ขอแนะนำให้ซื้อของดีๆไปเลย ถ้าใครไปเล่นหิมะก็เอาแบบ waterproof ด้วยจะดีมาก
ที่เคยไปเล็งๆไว้ ระดับ High-end แบบ The North Face น่าจะอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท เสียดายเงินเลยตัดสินใจไม่ซื้อ แต่ ณ จังหวะที่มันหนาวจนสั่นนี่ อยากจะย้อนกลับไปซื้อให้หมดช็อปเลยทีเดียว อ่อ ตอนไปซื้ออย่าลืมดูด้วยว่ามันเป็นถุงมือประเภทกันหนาวหรือไม่ เพราะพวกนี้มันมีหลายประเภท ได้ตั้งแต่กันหนาว เล่นสกี ถึงปีนเขา(ซื้อจะค่อนข้างบางแต่ไม่กันหนาวจ้า)
ถุงเท้า
อันนี้ก็จำเป็นเช่นกัน (มีอะไรไม่จำเป็นบ้างตั้งแต่รีวิวมาถามหน่อย) ควรหาซื้อถุงเท้า wool หรือจะเทคโนโยลีเฉพาะของแต่ละแบรนด์ แหล่งที่ถูกที่สุดคือร้าน Uniqlo เดินเข้าไปเหมาเลยพี่น้อง 2 คู่ตกที่ 375 บาทเท่านั้น เพราะมันมีโปรโมชั่น จงรีบไปฉกชิงแย่งมาเพราะมันจะขาดตลาดเร็วมาก ขอบอก
อย่าเผลอซื้อถุงเท้าแบบธรรมดามา ต้องเป็นถุงเท้าแบบกันหนาวเท่านั้นนะจ๊ะ
รองเท้า
เพราะชีวิตมันยังเสียตังค์ไม่พอ สำหรับใครที่ต้องไปเดินหิมะ ขอแนะนำให้ท่านหาซื้อรองเท้ากันน้ำลมฝน ที่รับประกันด้วยคำว่า Gore-Tex อยากให้มั่นใจว่ากันหนาวได้ด้วยก็ต้องซื้อหุ้มขอมา ส่วนฉันขอแบบไม่หุ้มขอเพราะไม่ถนัด
เดินดูอยู่หลายอาทิตย์ ในที่สุดก็ไปสอยของยี่ห้อ Merrell ในราคา 3,000 กว่าบาท ฮืออออ ตอนแรกแอบเสียดายเงินเพราะดูพยากรณ์อากาศแล้วคาดว่าาคงไปเจอหิมะแค่ครึ่งวัน แต่กลายเป็นสิ่งที่คุ้มที่สุด เพราะไปเจอของจริงมันหนักมาก ย่ำหิมะหลายนิ้วติดต่อกันตลอดอาทิตย์เพราะพายุดันเข้ากระทันหัน บทเรียนที่ได้คือเราไม่สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ พยายามเตรียมไปให้พร้อมที่สุดจะดีกว่า
สำหรับคนไปตุรกี อย่าได้คิดจะไปซื้อรองเท้าบูทน่ารักๆแบบเกาหลี เพราะมันเดินเยอะ เดินโหด ภูมิประเทศแบบขึ้นห้วยลงเขา เตือนแล้วนะเออ
อุปกรณ์กันหนาวอื่นๆ
ที่เหลือไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่แล้ว พกไปแล้วแต่สะดวก เช่น หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ เป็นต้น ถ้าเสื้อกันหนาวไม่มีหมวด หาอะไรไปปิดหูจะดีมาก ช่วยได้มากทีเดียว
9) เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับตุรกี
สิ่งที่ควรรู้อื่นๆค่ะ จะพยายามรวบรวมแล้วเอามาแปะไว้ในนี้
– เวลา: เวลาที่ตุรกีช้ากว่าไทยประมาณ 5 ชั่วโมง ดังนั้นตอนไปแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเรื่องปรับเวลา แต่ตอนกลับอาจมีอาการนอนไม่หลับกันได้
– หัวปลั๊ก: เค้าใช้แบบนี้กันเด้อ อย่าลืมหากันไป
– ผ้าคลุมผม: สำหรับผู้หญิง เวลาเยี่ยมชมเข้ามัสยิด สามารถใช้ผ้าพันคอแทนผ้าคลุมผมได้ แต่ควรหาให้มันหนาๆหน่อย
– ห้องน้ำ: อันนี้ปลื้มมากที่สุดที่เคยได้สัมผัสห้องน้ำทั่วโลกมาก มากกว่าญี่ปุ่นอีกนะจะบอกให้ ตุรกีมี 2 นวัตกรรมในเรื่องห้องน้ำที่ฉันชอบจริงๆ
1) ที่นี่จะไม่มีสายชำระ แต่น้ำจะพุ่งผ่านท่อเล็กๆตรงสู่รูก้นของเราโดยที่เราจะต้องขยับก้นให้พอดีกับสายน้ำเอง สามารถปรับระดับความแรงของน้ำได้โดยหมุนก็อกข้างๆ
2) อันนี้มีเป็นบางที่ คือพสาสติกครอบบนโถชักโครก แบบก่อนใช้ก่อนกดหมุนเปลี่ยนพสาสติก เหมือนได้ชักโครกที่ทำความสะอาดใหม่ตลอดเวลา ฟิน
เวลามองหาห้องน้ำ ให้สังเกตคำว่า WC มันจะมีตามร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาจจะมีบางที่ที่ต้องเสียเงินเข้า 1 TL ขาดตัว
เนื่องจากประเทศตุรกีนั้นอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ อารยธรรมและเรื่องราวที่น่าสนใจ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก่อนไป คือการเตรียมความรู้ เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแบบยืนมองซากปรักหักพังแบบงงๆ ดังนั้นขอให้เพื่อนๆเจียดเวลาไปศึกษาข้อมูลประวัติของสถานที่ต่างๆที่วางแผนจะไป รับรองว่ามันจะทำให้ทริปของท่านสนุกขึ้้นอย่างแน่นอน
เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปกันเลย…(ใน post ต่อไปนะจ๊ะ)