แม้มาเลเซียจะเป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านแสนร๊ากกกของประเทศไทย ที่อยู่ถัดจากยะลาลงมานิดเดียว แต่เราทั้งสองคนก็ยังไม่เคยได้ไปเหยียบประเทศนี้ซักที อีกทั้งเพื่อนชาวสิงคโปร์ก็ไซโคกันจัง ว่าอาหารถิ่นเมเลย์นั้นแสนอร่อย ไหนๆก็ใกล้แค่นี้ ถ้าไม่ได้ไปลองชิมสักครั้ง มันก็กระไรอยู่ ดังนั้นทริป 3 วัน 2 คืน ณ ประเทศมาเลเซียจึงบังเกิดขึ้น โดยจะนั่งรถบัสเริ่มต้นจากสิงคโปร์ไปแวะ LEGOLAND ที่ Johor Bahru ต่อด้วยเมืองมะละกา ไปจบที่เมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ แล้วค่อยบินกลับมาสิงคโปร์
2 พ.ย. (สิงคโปร์ -> LEGOLAND -> มะละกา (นอนค้าง))
เช้าวันนี้สดใส ปลอดฝน พวกเราตื่นแต่เช้าและออกเดินทางไปยังจุดจอดรถบัสที่ Singapore Flyer เพื่อจะออกไป LEGOLAND
การซื้อตั๋ว LEGOLAND ก็ขออัญเชิญทุกๆท่านไปยังร้านประจำของพวกเรานั่นก็คือ Sea Wheel Travel นั่นเอง ตัวข้าพเจ้าเองสามารถสอยบัตรเข้าสวนสนุกมาได้ในราคา 38 sgd (950 บาท) มาได้อย่างง่ายดายอีกทั้งไปวันไหนก็ได้ (ตั๋วจะมีอายุประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับล็อตเก่าล็อตใหม่) หากเทียบกับราคาหน้าเว็บแล้วซึ่งต้องระบุวันที่จะไป จะเห็นว่าแพงกว่ามาก ขนาดจอง 7 วันล่วงหน้าแล้วยังราคา 112 rm (1,120 บาท) แต่บางช่วงจะมีราคาโปรโมชั่นร่วมกับรถบัสไปเช้าเย็นกลับจากสิงคโปร์ อันนี้ก็ขอบอกว่าถูกมากจริงๆ แต่พวกเราสอยไม่ได้เพราะจะไปอย่างเดียว แง
ป.ล. สกุลเงินมาเลเซียคือ ริงกิต แปลงเป็นบาทให้คูณ 10
ข้อควรระวังคือ ระวังสวนสนุกมันปิด เพราะบางทีก็มีการปิดปรับปรุงโดยไม่ได้แจ้งให้โลกรู้ได้เหมือนกัน(แค่บอกในเว็บ) ดังนั้นควรเข้าเว็บหลักไปดูก่อนว่าวันที่เราจะไปมันเปิดไหม กี่โมงถึงกี่โมง จะได้ไม่เก้อนะจ๊ะ อันนี้เลย >>> http://www.legoland.com.my/
สำหรับรถบัสนั่งไป LEGOLAND ขอแนะนำ WTS Travel ซึ่งเป็นเจ้าที่จับมือกับ LEGOLAND อย่างเป็นทางการ เน้นว่าตั๋วรถต้องซื้อล่วงหน้ามาก่อน เพราะมันเต็มจริงๆนะขอบอก หรือจะซื้อที่ Sea Wheel Travel ก็ได้ แต่ร้านจะขายแค่แบบไป-กลับ ถ้าจะไปอย่างเดียว แนะนำคลิ๊กลิงค์ข้างล่างนี้โลด เลือกวันและเวลา เช้าสุดคือ 8:30 น. ไปถึง LEGOLAND ประมาณ 10:00 น. สวนสนุกเปิดพอดี หลังจากนั้นจะมีทุกๆครึ่งชั่วโมง
ฉันเลือกจอง Easybook เพราะมันไม่มีค่าธรรมเนียมในการจอง ตกคนละ 11 sgd (275) บาทถ้วน (ค่าใช้จ่ายจะสรุปให้ทีเดียวตอนท้ายค่ะ)
พวกเราต้องไปรายงานตัวกับพนักงาน WTS Travel ก่อนรถออกครึ่งชั่วโมง จะได้สติกเกอร์ติดอกกับตั๋วรถตัวจริงมา (มันคือซองจดหมาย) ใครซื้อบัตรเข้าสวนสนุกไว้ก็จะได้มาตอนนี้
เรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงจะเช้าแต่แถวนั้นก็มีอยู่หลายร้านให้เลือกรับประทานกัน ไม่ว่าจะเป็น Subway, Ya-Kun Kaya, 7-11 หม่ำกันให้จุใจก่อนขึ้นรถ เพราะเค้าไม่ให้รับประทานอาหารในรถเน้อ (รีบกินจนปากเบี้ยวเลย T^T)
กินเสร็จก็รีบไปเข้าห้องน้ำแล้วไปต่อแถวรอขึ้นรถ
พนักงานจะเดินเช็คแล้วเขียนทะเบียนรถให้ เราจะได้เดินไปขึ้นรถถูกคัน แต่ประเด็นคือพวกเราไม่รู้ว่ามันคือทะเบียนรถไง แต่ยืนเอ๋อยู่ตรงนั้นจนพนักงานต้องมานำไปที่รถ แหง่วววว
หลับไปงีบสั้นๆ ตื่นมาถึงสะพานข้ามไปมาเลเซียแล้ว
หลังจากนี้ต้องรถจะจอดให้เราเข้าไปทำเรื่องผ่าน 2 ต.ม. รัวๆ คือออกจากสิงคโปร์และเข้ามาเลเซีย ถึงด่านมาเลเซียมีปัญหาเล็กน้อยตรงที่ว่าฉันไม่ได้เอาบัตร work permit ลงจากรถมาด้วย (บุญแค่ไหนแล้วที่ไม่เก็บไว้บ้าน) เอาแต่ passport ลงมาเพราะคิดว่าเหมือนออกประเทศไปเที่ยวธรรมดาๆ คราวนี้ ต.ม. มาเลเซีย(นึกสภาพผู้ชายมุสลิมโพกหัวไว้หนวด น่ากลัวชะมัด) เรียกถามหาบัตร ฉันก็บอกว่าเอาไว้บนรถ เค้าเลยตะคอกให้ไปเอามาแล้วยึด passport ไว้ เอ้ย แล้วรถอยู่ไหนอ่ะ คุณสำลีก็ผ่านไปแล้วด้วย ได้แต่มองหากันปริบๆแล้วออกวิ่งสุดชีวิตไปตามหารถบัส เรื่องราวผ่านมาด้วยดี สุดท้ายก็หารถเจอได้เข้าประเทศเค้า และได้บทเรียนสำคัญว่า ต้องพกบัตร work permit ติดตัวเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม T^T
ผ่าน ต.ม. มาได้ประมาณไม่ถึง 15 นาที รถก็ไปจอดที่ Hello Kitty Town ก่อน (อยู่ในห้าง) และวนไปที่ LEGOLAND ตอนเห็นสวนสนุก เด็กๆในรถร้องโอ้โหหวววโดยพร้อมเพรียงกัน น่ารักมว๊ากกกกกกกกก
จุดจอดรถอยู่ไม่ไกลจากสวนสนุกเท่าไหร่นัก หากใครซื้อตั๋วแบบไป-กลับ พนักงานจะนัดแนะเวลาให้มารอที่จุดเดียวกันในตอนเย็น ส่วนพวกเราที่มีแผนจะไปมะละกาต่อ ต้องนั่งรถบัส LM1 ไปที่สถานีรถบัส Larkin Sentral ก็ต้องมารอรถที่จุดนี้เช่นกัน ดีที่คุณสำลีตาไว เห็นตารางรถก่อน เลยกะเวลามารอรถได้พอดีๆ เพราะรถมีชั่วโมงละคัน
เนื่องจากนั่งรถไปมะละกาต้องใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง พวกเราเลยกะออกจาก LEGOLAND ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง จะได้ต่อรถไปถึงมะละกาไม่ดึกเกินไป
ถึงแล้ว LEGOLAND ดินแดนแห่งจินตนาการ การ การ การ (มีเอคโค่เพื่ออรรถรส)
เนื่องจากแบบสัมภารกมาสำหรับดำรงชีพ 3 วัน 2 คืน กระเป๋าแต่ละคนเลยหนักพอสมควร ดังนั้นตอนไปถึงอันดับแรกคือการฝากกระเป๋า เห็นล็อกเกอร์สีฟ้าสดอยู่ข้างหน้าสวนสนุก เลยจัดซะเลย ราคาสำหรับเช่าทั้งวันของตู้ใหญ่ 40 rm (400 บาท) ตู้เล็ก 20 rm (200 บาท) แหม มันครึ่งๆขนาดนี้ พวกเราก็ไม่รอช้า วัดดวงหยอดตู้เล็ก แล้วดันทุรังยัดเป้เข้าไป 2 ใบใหญ่ๆ พอทำสำเร็จแล้วดีใจกันยกใหญ่ แล้วรีบวิ่งเข้าสวนสนุกทันที หารู้ไม่ว่าในสวนสนุกมีล็อกเกอร์อยู่ตรึม แถมยังเปิดหยิบเอาของได้ด้วย ถ้าฝากไว้ข้างนอกสวนสนุก เราจะออกมาหยิบของไม่ได้ เซงงง
LEGOLAND แบ่งออกเป็น 7 zone (ทวนเข็มนาฬิกา)
- The Beginning: ทางเข้าสวนสนุก มีร้านค้าขายตัวต่อเลโก้และผลิตภัณฑ์เลโก้ต่างๆในบริเวณนี้
- Lego Technic: มีเครื่องเล่นเด่นๆเช่น Technic Twister ซึ่งถ้วยหมุนในรูปเลโก้, Project X เป็นรถไฟเหาะ 4 ที่นั่ง, Aquazone Wave Racers เป็นเรือหมุนในน้ำ
- Lego Kingdom: โซนที่จำลองบรรยากาศยุคอัศวิน มีรถไฟเหาะ 2 อันหลักๆด้วยกันคือ Dragon’s Apprentice รถไฟเหาะตัวน้อย ของบรรดาลูกมังกรที่กำลังฝึกหัดบิน และ The Dragon รถไฟเหาะที่แฝงตัวอยู่ในปราสาท
- Imagination: โซนแห่งจินตนาการ มีเครื่องเล่นที่เหมาะกับการเล่นเป็นครอบรัว เช่น Kids Power Tower ซึ่งเป็นหอคอยที่ให้เด็กๆกับครอบครัวสาวเชือกเพื่อให้ขึ้นไปด้านบน, Build & Test สถานีสำหรับสร้างและทดลองเล่นตัวต่อเลโก้, Observation Tower หอคอยสำรวจ เมื่อขึ้นไปด้านบนสุดจะมองเห็นสวนสนุกโดยรอบได้ชัดเจน, LEGO Studio 4D โรงภาพยนตร์ 4 มิติ หนังที่ฉายจะมีทั้งหมด 3 เรื่อง สลับกันไปทั้งวัน
- Land of Adventure: ดินแดนแห่งการผจญภัย ที่มีทั้งอาณาจักรอินคาและอิยิปต์รวมอยู่ด้วยกัน เครื่องเล่นหลักๆเช่น Dino Island ล่องแก่งเข้าไปในเกาะของไดโนเสาร์ และ Lost Kingdom นั่งรถเข้าไปสำรวจอาณาจักรที่หายสาบสูญ
- Mini Land: เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของ LEGOLAND เลยก็ว่าได้ เป็นเมืองจำลองที่สร้างขึ้นมาจากตัวต่อเลโก้ล้วนๆ สำหรับ Legoland Malaysia จะเป็นการจำจองสถานที่สำคัญๆของประเทศในกลุ่มอาเซี่ยน โดยจะเน้นของมาเลเซียเป็นหลัก
- Lego City: เครื่องเล่นในโซนนี้เน้นให้เด็กๆเล่นเป็นส่วนใหญ่ เช่น LEGO CITY Airport หัดขับเครื่องบิน, Rescue Academy สถานีดับเพลิง ที่สามารถแข่งปั๊มน้ำให้รถเคลื่อนที่ไปได้, LEGOLAND Express สถานีรถไฟของเลโก้แลนด์ที่จะขับพาเราเที่ยวรอบๆ Miniland, Boating School, Driving School
ศึกษาแผนที่เสร็จก็ลุ้ยยยยยยย
พวกเรามุ่งหน้าไปที่ Lego Technic ก่อนเลย เพราะดูท่าจะมันส์สุดแล้ว
ประเดิมด้วยเครื่องเล่นนี้ Project X รถไฟเหาะ 4 ที่นั่ง เสียวอยู่พอสมควร
ที่นี่ไม่มีล็อกเกอร์ฟรีเหมือน USS อยากใช้ต้องจ่ายเงิน T^T จะมีชั้นวางของให้วางไว้ หายคือต้องทำใจ
Aquazone Wave Racers ไม่ได้เล่นหรอก เพราะเปียกแหง่มๆ คนที่อยู่ข้างนอกสามารถยิงปืนฉีดน้ำหรือกดระเบิดน้ำใส่คนที่เล่นอยู่ได้ด้วย ฮี่ฮี่
แอบแวะถ่ายรูปตัวต่อเลโก้ที่ต่อมาเป็นรูปต่างๆเป็นระยะ เจ้าปลาหมึกยักษ์ ทึ่งมาก ต่อได้ไง
ทางนี้มีจิตรกร สร้างสรรค์ชะมัด
ทายสิใครเอ่ย คุณลุงยอดอัจฉริยะ ไอน์สไตน์ นั่งเอง ถึงหน้าลุงแกจะเหมือนภาพแตกไปหน่อยแต่เก็บรายละเอียดได้ยอดเยี่ยมมาก ตรงจุดนี้เป็นศูนย์สอนต่อเลโก้ มีทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ พวกเราก็แอบไปลงชื่อไว้ แต่สุดท้ายไปได้ไปเพราะเวลาไม่พอ
เพิ่งเปิดกันสดๆร้อนๆสำหรับ miniland ของ STAR WARS
หุ่นรับใช้สุดเท่ ต่อจากเลโก้ล้วนๆ
ตอนเข้าไปจะให้ดูหนังสั้นๆประมาณ 5 นาที ปูพื้นฐาน STAR WARS กันก่อน แล้วค่อยปล่อยให้ชม miniland ที่จำลองมาจากฉากในเรื่องนี้
อลังมาก พี่แกเล่นเก็บทุกรายละเอียด ประกอบกับแอร์เย็นๆ เดินเพลินสบายใจ
ของจริงลำใหญ่พอสมควร แถมยังมีกลไก เช่น ขยับขึ้นลงได้ กระพริบไฟได้อีกตั้งหาก
ใส่ใจทุกรายละเอียด
ฉากหิมะ เห็นแล้วหนาวเลย
เข้าป่า
คุ้นตาอยู่ แต่จำไม่ได้แล้วว่าภาคไหน
ออกจากเมืองจำลองมาก็ตามสูตร เข้าสู่ร้านขายของที่ระลึกที่มีราคาระทึกมาก กล่องนี้ 9,900 บาท ได้ยาน 1 ลำถ้วน เฮืออกกก
แถมหลายๆชิ้นยังเป็นไอเท็มหายากอีกซะด้วย ซื้อได้แค่คนละชิ้นต่อวันเท่านั้น
พวกเราได้แต่มองปริบและเดินจากไป ไม่มีปัญญาซื้อ ฮาาาาาาาา
เริ่มหิว เลยมองหาของกินแถวนั้น ไปจบที่ Nasi Lamak ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของมาเลเซีย โดยปกติเป็นข้าวอบมะพร้าว กินคู่กับไก่ ไข่ ถั่ว และน้ำพริก อันนี้มาในรูปแบบดัดแปลงเล็กน้อย ภาพลักษณ์น่ากินมาก ชุดนี้ 15 rm (150 บาท) ได้ข้าว เครื่องดืม ผลไม้
พอจ่ายเป็น rm แล้วรู้สึกแพงเพราะเลขเยอะขึ้น ถ้าเทียบเป็น sgd ก็ถือว่าปกติ กินราคานี้อยู่ทุกมื้อ T^T คิดถึงราคาข้าวประเทศไทย
ขอบอกว่ามื้อแรกในมาเลเซียนั้นรสชาดอุบาวท์มาก ข้าวนี้เค็มและเละมาก ไก่ก็เผ็ดอย่างไม่มีเหตุผล น้ำพริกก็ไม่ได้เรื่อง อร่อยสุดเห็นจะเป็นไข่ต้มนี่แหละ
กินเสร็จ ไปต่อกันที่ Lego Kingdom อาณาจักรของอัศวิน
คุณสำลี หน้าตาผิดระเบียบ โดนกักตัวไว้อยู่พักหนึ่ง
ปราสาทนี้แหละค่ะ มีรถไฟเหาะอยู่ ตกแต่งคิขุน่ารักตามควันหลงวันฮาโลวีน
รถไฟเหาะที่นี่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ ตื่นเต้นรุนแรงพอสมควรในระดับที่เด็กรับได้ แต่คุณสำลีมีตุ๊ดแตก กรี๊ดจนเด็กๆข้างหน้าหันมามอง แต่ที่ดีที่สุดก็คือ คิวแทบไม่มีทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์ (อาจไม่ดีต่อสวนสนุก)
โซนต่อไป Imagination
ขึ้นไปดูวิวมุมสูงที่ Observation Tower ก่อนเป็นอันดับแรก ในหอคอยจะเป็นที่นั่งซึ่งจะหมุนไปรอบๆขณะขึ้นไปสูงสุดและค่อยลงมา โดยจะสามารถเห็นวิวโดยรอบได้ชัดเจน
ผ่านกระจก สะท้อนนิดดดดนุง วิวมุมสูงของ LEGOLAND
สำหรับโซนนี้อีกอย่างที่แอบไปเล่นคือ Kids Power Tower ซึ่งหอคอยที่ต้องสาวเชือกเพื่อขึ้นไปด้านบน แนวคิดดีชะมัด ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าก็เป็นเครื่องเล่นที่สนุกได้ แต่มันเหนื่อยมาก กล้ามแขนแทบฉีกขาด ขนาดฉันออกกำลังกายประจำยังแพ้คุณสำลีที่ไม่มีความคิดจะออกกำลังกายอยู่ในหัวแบบหลุดลุ่ย ประมาทกำลังผู้ชายไม่ได้จริงๆ
โซนนี้ยังมีหนัง 4D ที่ฉายทุกครึ่งชั่วโมง สลับไปมา 4 เรื่อง น่ารักมาก เป็นหนังไม่มีบทพูดเลย เวลาพูดก็จะเป็นภาษางุงงิ้งๆ เข้าใจว่าจำลองการฟังของเด็กเล็กๆกระมัง เอาใจกันแบบสุดๆ
โซนต่อไป Land of Adventure ซึ่งมี Dino Island เป็นเครื่องเล่นหลัก อันนี้เหมือนดรีมเวิลด์บ้านเรา เปียกโชกทั้งตัวอย่างไม่ต้องสงสัย ดีที่พวกเราพกเสื้อกันฝนมาจาก USS กร๊ากก ไม่ได้แอ้มหรอก
อีกอันหนึ่งที่แนะนำให้เล่นคือ Lost Kingdom เป็นการนั่งรถเข้าไปสำรวจอาณาจักรที่หายสาบสูญไป โดยให้เรายิงปืนเลเซอร์เพื่อเก็บคะแนนไปด้วย อันนี้แพ้คุณสำลีแบบถล่มทลายอีกตามเคย เหมือนที่เคยมีบทเรียนที่ Disneyland HongKong ยังไงยังงั้น ไม่เข้าใจจริงๆ
ไปต่อกันที่ Lego City แนะนำให้เล่น Rescue Academy ซึ่งสถานีดับเพลิง ที่สามารถแข่งปั๊มน้ำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โคตรเหนื่อย จากใจ แต่สนุกดี ต้องใช้ความสาม้คคีในทีมในการปฏิบัติการดับไฟให้สำเร็จ แต่ที่เหนื่อยกว่าคงเป็นคุณสำลีแน่ๆเพราะโดนกินแรงไปเยอะ อิอิ
ขอขึ้นรถไฟชมสวนสนุกที่ LEGOLAND Express พักเหนื่อยกันซักนิด
เจ้าหน้าที่หันมาตรวจเช็คผู้โดยสารว่าพร้อมรึยาง
รถไฟจะพาเราชม Miniland, Boating School, Driving School
แต่เห็นไกลๆมันจะไปจุใจอะไร หลังจากนั่งรถไฟเสร็จพวกเราจึงไปตะลุย Miniland กันเป็นโซนสุดท้าย A MUST จริงๆ โซนนี้
วัดอรุณค่ะพี่น้อง เหมือนของจริงมว๊ากกกกกกกกกกกกกก
ซูมเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นว่า เค้าจำลองแม้กระทั่งชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
เรือพระราชพิธี กรี๊ดกร๊าด
ซูมมม พายกันแบบขยันขันแข็งมาก
เรือของประเทศพม่า
ทัชมาฮาล อินเดีย
ที่ที่เราเพิ่งไปขึ้นรถเมื่อเช้านี้ Singapore Flyer
Clark Quay ที่มักจะครึกครื้นยามราตรี แหล่งปาร์ตี้ของคนวัยทำงานในสิงคโปร์
สิงโตพ่นน้า ถ้ามีน้ำออกมาด้วยนี้จะทึ่งมาก
สาเหตุความร่ำรวยของประเทศสิงคโปร์ นึกว่าของจริง แม่เจ้า
เข้าโลกส่วนตัวไปแล้ว
Petronas Twin Towers ยังไม่ได้เห็นของจริง เอาแบบจำลองไปก่อน
Menara Kuala Lumper หอคอยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ อีก 2 วันเจอกันแน่นอน
Sultan Abdul Samad Building อยู่บริเวณจัตุรัสเมอร์เดกา หนึ่งในสถานที่ที่พวกเราจะไปกันเร็วๆนี้เช่นกัน
ปุตราจรายา เมืองใหม่ของมาเลเซีย เป็นเมืองที่สร้างเพื่อเป็นที่ตั้งของฝ่ายบริหารและประมุขของประเทศ
ซูมดูลาย ละเอียดซะ
ดูซิเวลาเท่าไหร่กันนะ
สื่อเรื่องราว และวิถีชีวิตของผู้คนได้ออกมาค่อนข้างดี
แม้จะร้อนแต่ก็เพลินอยู่ รู้ตัวอีกทีก็บ่าย 3 โมง ได้เวลาย้ายทัพไปรอรถ (ควรจะเผื่อเวลาไว้หน่อย เพราะรถอาจจะมาก่อนหรือมาช้าไม่ตรงเวลาเหมือนที่สิงคโปร์)
มีแวะให้ลุงดูภาพ
ป.ล. ถุงเท้าลุงแอบขาด
ซื้อของฝากและไปเปิดล็อกเกอร์เอากระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาร่ำลา LEGOLAND ดินแดนแห่งจิตนาการ
เดินออกมานั่งรอรถสบายใจเฉิบ
การไปมะละกาจาก LEGOLAND อาจจะลำบากนิดนึง เพราะต้องต่อรถ 3 ทอด อันดับแรกคือนั่งรถ LM1 ซึ่งมีทุกชั่วโมงจากป้ายรถเมล์หน้า LEGOLAND (จุดจอดรถบัสที่มาจากสิงคโปร์) ไปที่สถานีรถบัส Larkin Sentral ค่ารถจะตกอยู่ที่ 5.4 rm คำแนะนำคือให้ดูตารางรถไว้ก่อน กาไว้เลยจะไปรอบไหน แล้วมารอรถก่อนซัก 10-15 นาที แต่ถ้าพลาดแล้วไม่อยากรอรถรอบต่อไป ให้ไปหน้า Mall of Medini แล้วเรียกแท็กซี่จากตรงนั้น ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 30 rm
LM1 เป็นรถในเครือ Causeway Link คันจะเหลืองๆประมาณนี้
พวกเราออกจาก LEGOLAND 15:30 จะถึง Larkin Sentral ประมาณ 16:15 ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที
จาก Larkin Sentral ต้องนั่งรถบัสที่วิ่งระหว่างเมืองไป Melaka Sentral ราคาจะอยู่ที่ 21 rm ควรตรวจเช็คตารางรถเพื่อวางแผนการเดินทางที่ Easybook เช่น ในวันที่พวกเราไป มีรถจาก Larkin Sentral ไปมะละกาอยู่ 2 เจ้า คือ S&S International Express (KKKL) เวลา 16:30, 17:30, 18:00, 20:00, 21:00
และ Causeway Link เวลา 18:30, 20:30 จะได้วางแผนถูกว่าควรจะออกจาก LEGOLAND เมื่อไหร่
ตอนที่พวกเรามาถึงก็ประมาณ 16:15 ซึ่งรถเที่ยวที่กำลังจะออกเป็นของ KKKL เวลา 16:30 เท่ากับว่ามีเวลาเพียงแค่ 15 นาทีในการทำทุกอย่างตั้งแต่เดินหาบูท KKKL ต่อคิวซื้อตั๋วโดยสาร เข้าห้องน้ำ หาซื้อของกินไปกินรองท้องบนรถ บอกตามตรงว่าเป็นนาทีที่ตื่นเต้นที่สุดในทริป แม้จะใช้เวลาไม่นานในการหาบูท KKKL แต่คนต่อคิวยาวเป็นกิโล ไหนจะต้องลุ้นว่ามีที่นั่งเหลือพอไหม (ที่ไม่จองมาก่อนเพราะหาตารางรถ LM1 ในอินเตอร์เน็ตไม่เจอ เลยไม่รู้ว่าจะมาถึง Larkin Sentral ประมาณกี่โมง) แถมยังพะวงว่าจะเข้าห้องน้ำไม่ทัน ฉันเลยตัดสินใจให้คุณสำลีไปเข้าห้องน้ำก่อน ระหว่างฉันต่อคิวซื้อตั๋ว ซื่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ เพราะพวกเราทั้งคู่ไม่สามารถติดต่อหากันได้ พอฉันซื้อตั๋วเสร็จ คุณสำลีก็ไม่กลับมาซักที จะไปตามที่ห้องน้ำก็ไม่รู้ว่าไปจุดไหน ระทึกมากกก สุดท้ายก็ไปขึ้นรถทันแบบเฉียดฉิว โดยที่ไม่มีเวลาซื้ออะไรขึ้นไปกินรองท้องเลย แต่ยังดีที่ไม่ตกรถละนะ
สภาพที่นั่ง กว้างขวาง อลัง ใหญ่โต หลับสบาย
ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงจาก Larkin Sentral ถึง Maleka Sentral ซึ่งก็เป็นเวลา 1 ทุ่มครึ่งแล้ว หิวกิ่วแทบขาดใจ แต่อยากติดต่อที่บ้านเลยเดินหาซื้อซิมโทรศัพท์ ได้ของ DiGi มาราคาเกือบ 30 rm จะบอกว่า data ห่วยมากถึงมากที่สุด แต่ voice โอเคมาก แล้วยังเสียเวลาอีก 30 นาทีในการรถพนักงานเปลี่ยนซิม ลงทะเบียน ทดสอบ อ๊าก หิวโว้ยยยยย
Melaka Sentral มี 2 ฝั่งคือฝั่งรถระหว่างเมือง กับรถวิ่งในเมือง รถเมล์เข้าตัวเมืองจะจอดอยู่ที่ฝั่งรถวิ่งในเมือง อยู่ platform 6-8 ให้หารถหมายเลข 17 แต่อาจจะไม่มีหมายเลขติด ให้ถามคนขับว่าไป Dutch Square หรือไม่ (มีรถของ Paranoma Melaka) แต่ตอนที่พวกเราออกมารอรถนั้นโหร่งเหร่งจับใจ ยืนกันมืดๆอยู่ 2 คน ไม่มีรถจอดอยู่ที่ช่องหมายเลข 17 อีก เลยตัดสินใจขึ้นแท็กซี่ จากที่ต้องเสีย 1 rm กลายเป็น 20 rm เศร้า
ป.ล. ไม่รู้ปกติแท็กซี่ที่มาเลเซียมีมิเตอร์หรือไม่ แต่แท็กซี่ที่ขึ้นจาก Maleka Sentral มันไม่มีมิเตอร์วุ้ย ขึ้นมาแล้วงง ดังนั้นใครที่ต้องขึ้นแท็กซี่ สอบถามและต่อราคาให้แน่ใจเด้อออ
สรุปเส้นทางและราคา
ในที่สุดก็มาถึงกันซักที เหนื่อยและหิวอย่างแรง ณ จุดๆนี้
เราให้แท็กซี่จอดที่ Dutch Square เพราะโรงแรมที่จองไว้อยู่ใกล้แถวนั้นมาก ขี้เกียจอธิบายอะไรกับคนขับแท็กซี่ให้มากความ แต่ความจริงลุงแกก็เป็นมิตรดีอยู่นะ
Dutch Square ณ มะละกา ยามค่ำคืน
โรงแรมแห่งแรกที่เราจะมาพักในมะละกา มีชื่อว่า Vinz Hotel ได้จากการค้นหาและเลือกเฟ้นใน Agoda, Booking.com และ TripAdvisor อย่างเมามันส์ จนมาถูกใจที่นี่ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด และราคายังอยู่ในเกณฑ์รับได้ 53.87 sgd (1,347 บาท)
จาก Dutch Square ไปไม่ยากเลยจริงๆ เหนื่อยๆ หิวๆ ไม่ค่อยมีสติ แต่แป๊บเดียวก็หาเจอ
ตามแผนที่ จาก Dutch Square จุดที่ 1 ให้เดินข้ามสะพาน (ตามทางที่จะไป Yonker Walk) แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าซอยถัดจาก Yonker Walk ไป Vinz Hotel จุดที่ 2 ระยะทางแค่ 300 เมตร เท่านั้น ใครเดินไกลกว่านี้คือ หลง เพคะ
เป็นโรงแรมบูติกเล็กๆ
นอกจากหลักฐานการจองแล้ว เป็นปกติของโรงแรมในมาเลเซียที่ให้คุณมัดจำค่ากุญแจห้อง 50 rm อย่าลืมเผื่อเงินไปด้วยนะคะ ห้องเล็กๆสะอาดสะอ้าน มีเตียงกับห้องน้ำ โทรทัศน์ติดผนัง(ที่มีแต่ภาษามาเลย์กับจีน) และชั้นวางของนิดหน่อย อ่อ มี Wifi ฟรีให้ด้วย ดีกว่าใช้เน็ตกระปริบกระปรอยจากค่าย DiGi เย้อะ
ไม่สามารถเปิดเผยรูปได้เพราะทุกอย่างถูกระเบิดหมดแล้ว (คือเหนื่อยมาก ลืมทุกอย่าง โยนของเรี่ยราดตามทาง และทิ้งตัวลงนอน)
แต่ด้วยความหิวที่ไม่ปราณีใคร พักไป 5 นาที ก็ต้องลุกขึ้นไปหาอะไรกินที่ Yonker Walk ซอยข้างๆกัน
ถนนคนเดินยองเกอร์ (Jonker walk) เป็นถนนคนเดินในเมืองมะละกา มีเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ มีของกินของฝากขายหลายอย่าง 2 ข้างทางของ Jonker Walk เป็นบ้านเรือนเก่า รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบชิโน – โปรตุเกส
เจอเรือลำเบิ้อเริ่ม ตั้งเดินเป็นสง่าอยู่หน้าถนน
พวกเราลุ้ยยยยยยยยยย
ส่วนมากมีแต่ของกินเล่น หาอาหารกินเป็นกิจจะลักษณะค่อนข้างยาก มารู้ทีหลังจากการไปบ่นเรื่องอาหารกับเพื่อนว่า ถ้ามาถึงที่นี่ เค้าต้องไปกินอาหารทะเลกัน เออ เน้อ ก็มันติดทะเลนี่นะ ช่องแคบมะละกา
ประเดิมด้วยขนมจีบ ไม่แพงและรสชาติไม่เลว (ขนมจีบที่สิงคโปร์โคตรแพงและรสชาติเลวร้ายมาก)
มีของฝาก กระจุ๊ก กระจิ๊ก มากมาย
มีงิ้วให้คนผ่านไปผ่านมาดู แต่ทำไมรูนี่และผองเพื่อนถึงได้ขึ้นไปโฆษณามันฝรั่งอยู่บนนั้น ป๊าดโถ่ ทีมรักของพี่ คุณสำลีห้วเราะชอบใจใหญ่
เดินมาจนสุดแล้ว ไหนนน ข้าวววว อาหารท้องถิ่นรสเลิศ
ตัดสินใจเลี้ยวกลับไปเข้าร้านอาหารหนึ่งเดียวที่เห็นใกล้ๆซุ้มงิ้ว ได้ไก่พริกไทยดำ ผัดผัก โป๊ะไข่ดาว ราคา 7 rm มาประทังชีวิต รสชาติพอแหลกล้าย
ที่นี่ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทุเรียนค่อนข้างเยอะ แต่ไม่กินอ่ะ เหม็นนน ทุเรียนที่ไทยว่าเหม็นแล้ว เจอที่นี่ชิดซ้าย
พอกินเสร็จก็มีแรงตามหา DATUK WIRA DR. GAN BOON LEONG “The father of bodybuilders in Malaysia” รูปปั้นนักเพาะกายชาวมาเลเซีย คุณสำลีไปเบ่งก้าง เอ้ย กล้าม แข่งซะเลย
หลังจากเดินจบครบลูป บอกได้เลยว่าถนนคนเดินเชียงใหม่ของเรากินขาด ที่นี่เป็นถนนสั้นๆ ของกินของขายไม่ค่อยหลากหลาย เหมือนกันหลายร้าน เช่น มันฝรั่งเกลียวเสียบไม้ และค่อนข้างราคานักท่องเที่ยว (แพง) โดยรวมคือไม่ได้ประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายมาก
หมดวันอันสนุกสนานเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้จะพาเที่ยวชมมะละกา เมืองมรดกโลกกัน แต่วันนี้ขอกลับโรงแรมไปพักผ่อนก่อนค่าาา
สอบถามหน่อยครับ คือจะไปสิงคโปร์ กันยายนนี้ แล้วมีแพลนจะไป-กลับ เลโก้แลนด์จาก สิงคโปร์ด้วยนะครับ
ว่าจะซื้อตั๋วเข้าเลโก้แลนด์กับ สวนน้ำที่ seawheel เลยขอถามนิดนึงว่าที่ seawheel มีขายตั๋วรถไปกลับ เลโก้แลนด์ด้วยเลยไหมอคับ แล้วมันขึ้น-ลงรถตรงไหนหรอครับ ที่เดียวกับ WTS travel ป่าวครับ แล้วถ้าของอันไหนถูกกว่าหรอครับ
มีค่า อันนี้ไม่แน่ใจต้องถามทางร้านอีกทีว่าขึ้นลงตรงไหน แนะนำให้เช็คในเว็บ WTS travel ไปก่อนเพราะโปรแต่ละช่วงไม่เหมือนกันแล้วค่อยไปคอนเฟิร์มที่ร้านค่ะ ราคาปรับอยู่ตลอดเวลาnn1