My Cotton is Here, in Singapore! ตอนที่ 2 : เพราะชีวิตต้องการความมันส์ Universal Studio Singapore

หลังจากเมื่อวานเดินขาแทบหักรอบ Marina Bay กันไปแล้ว วันนี้พวกเราจะไปถล่มเกาะ Sentosa กัน ตามมาดูตารางเที่ยวคร่าวๆกันเลย

1 August 2014

8:30      Leave home

9:00      Breakfast @ Toast Box (Vivo City)

10:00   Universal Studio Singapore (USS)

19:40   Wings of Time

21:00   Crane Dance

21:30   Lake of Dreams

22:00   Home

วันนี้หลักๆจะเน้นไปที่ USS อยู่ตั้งแต่มันเปิดยันปิด ประมาณว่าไม่ไล่ไม่กลับ เลยทีเดียว USS จะเปิด 10:00 น. ตรง ควรจะไปเช้าๆหน่อย ไม่งั้นคนจะเยอะมว๊าก

จากบ้านเรานั่งรถเมล์ไปสายเดียวถึง แต่ถ้าใครสะดวก MRT ให้ลงสถานี Harbourfront สายสีม่วง เดินออกทางออก E เพื่อเข้าห้าง Vivo City สถานีรถไฟจะไปเชื่อมกับชั้น 2B ของห้าง 

แต่ก่อนอื่น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราสองก็พร้อมใจกันไปเติมพลังที่ร้านขนมปังขึ้นชื่อ Toast Box กันเลย

ได้มาแล้วอาหารเช้า ขนมปังแฮมชีสกับกาแฟหอมกรุ่น

สำหรับกาแฟท้องถิ่นของที่นี่จะมีคำศัพท์แบบเฉพาะนั่นก็คือ Kopi (คล้ายๆกับโกปิโก้) อันนี้เป็นกาแฟดำธรรมดา ถ้าใส่นม ใส่น้ำตาล ใส่สัดส่วนกาแฟเยอะ จะต้องเติมคำต่อท้ายเข้าไป เช่น โกปิโอ เป็นต้น อยากสั่งแบบ pro ต้องตามรูปข้างล่างนี้เลย

อาจจะดูๆของกินซื้อตุ่นไปหน่อย เพราะของใน USS แพงมากถึงมากที่สุด พกขนมปังใส่เป้ไปซักก้อน  2 ก้อน ช่วยในยามวิกฤตในจริงๆนะ

การข้ามไปเกาะ Sentosa มีอยู่หลักๆ 3 ทางเรียงตามค่าใช้จ่ายจากมากไปน้อย นั่งกระเช้า, นั่ง Sentosa Express (มันคือรถไฟหนอนชาเขียว) และเดิน

เมื่อพิจารณาจากงบประมาณ กำลังที่ใช้ และระยะเวลาอันเหมาะสม พวกเราเลือกเดินทางโดย Sentosa Express ซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ของ Vivo City ราคาอยู่ที่ 4 sgd รวมค่าเข้าเกาะ สามารถใช้บัตรครอบจักรวาล Ez-link จ่ายได้เลย

สถานี Sentosa Express จะมีทั้งหมด 4 สถานีได้แก่

• Sentosa station: อยู่บนห้าง VivoCity เป็นสถานีต้นทาง
• Waterfront Station: USS, S.E.A.aquarium,Crane Dance, Lake of Dream
• Imbiah station:เครื่องเล่นสนุกๆบนเกาะตั้งแต่สมัยก่อน Merlion ตัวใหญ่
• Beach station: สถานีปลายทาง ลงสู่ชายหาด, Wings of Time

ที่ชั้น 3 ของ Vivo City มีลานเปิดโล่งที่สามารถมองไปเห็นวิวทางฝั่งเกาะ Sentosa ได้ วันนี้โชคดีที่ฝนไม่ตก ก่อนจะขึ้นรถ เราเลยออกไปรับลมกัน

จากนั้นก็นั่งรถไฟหนอนชาเขียวไปที่ Beach Station ก่อน เพื่อไปเปลี่ยนตั๋ว Wings of Time เป็นตั๋วจริง (จะมีเครื่องพิมพ์ตั๋วบริการอยู่แถวสถานีรถไฟ) เพราะทางร้านจะเห็นมาเป็นกระดาษที่มี Barcode ไว้สแกน ต้องมาเปลี่ยนตั๋วก่อนแสดงจริง 1 ชั่วโมง เนื่องจากพวกเราไม่อยากพะวงว่าจะต้องรีบออกจาก USS ไปเปลี่ยนตั๋ว เลยจัดการมันให้เสร็จตั้งแต่ตอนเช้าซะเลย

วิวระหว่างนั่งรถไฟข้ามไปเกาะ Sentosa ต้นเหตุแห่งความร่ำรวย

Ta daaaa ได้มาแล้ว พิมพ์ออกมาจากเครื่องเลยยับเชียว

จากนั้นก็ต้องรีบรุดนั่งรถไฟไปที่สถานี Waterfront เพื่อไปเยือนพระเอกของวันนี้ Universal Studio Singapore นั่นเอง

เนื่องจากใกล้จะ 10 โมงแล้ว คนเลยเยอะมากกกกกกกก (ขนาดว่าวันศุกร์) กว่าจะหามุมนี้ถ่ายได้ช่างยากเย็นนัก

หลายคนอาจจะสังเกตว่า ตอนที่ไปซื้อตั๋วที่ Chinatown ไม่มีตั๋ว USS ติดมาด้วย นั่นเป็นเพราะเราได้ทำการซื้อ Season Pass (เข้าได้ทุกวันเป็นระยะเวลา 6 เดือน) แบบ online มาแล้ว ในราคา 98 sgd (ค่าเข้าต่อครั้งคือ 75 sgd เท่ากับว่าเข้า 2 ครั้งก็คุ้มแล้ว) การซื้อตั๋ว Season หรือ Annual Pass เมื่อจ่ายเงินแล้วให้ปริ๊นท์ตั๋วชั่วคราวพร้อม Barcode ออกมาเพื่อใช้เป็นบัตรผ่านประตูซึ่งจะมีอายุแค่ 1 วัน เมื่อผ่านเข้าไปให้ไปติดต่อที่ Annual Pass Counter (ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ เข้าไปมองไปทางซ้าย หรือถามพนักงานก็ได้ แทบจะทิ่มตากันที่เดียว) เจ้าหน้าที่จะจัดการถ่ายรูป และผลิตบัตรแข็งไฮโซออกมาให้อย่างรวดเร็ว

นอกจากจะเข้าได้ทุกวันไปอีก 6 เดือนแล้ว ยังใช้เป็นส่วนลดในร้านอาหาร(บางร้าน) และร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย กริ๊บเกร๋มากกก

อย่าลืมหยิบแผ่นพับแบบนี้ติดมือมาด้วยนะคะ เอาไว้ดูแผนที่ ดูเวลาโชว์ต่างๆ เก็บให้ครบ (มือนายแบบดำไปหน่อยนะ อิอิ)

Universal Studios จะมีทั้งหมด 7 โซน นั่นคือ
1. Hollywood
2. Madagasga
3. Far Far Away
4. Lost World
5. Ancient Egypt
6. Sci – Fi City
7. New York

เราจะเดินทวนเข็มนาฬิกากัน เก็บเครื่องเล่นเสียวๆก่อน

โซนแรก Hollywood เป็นโซนที่ใครๆจะต้องผ่าน แต่เดี๋ยวเราจะมาสำรวจอย่างละเอียดในภายหลัง เหลือไปเห็น Minion Mart ด้วย น่าร๊ากกกกซะ โดยเฉพาะรูปปั้น Minion ที่อยู่ข้างหน้าร้าน คนรุมถ่ายรูปใหญ่เลย

ปกติแล้ว เทคนิคการเล่นเครื่องเล่นอย่างหนึ่ง คือให้รีบมาต่อคิวแต่เช้า 9:30 น. ก็ควรอยู่ที่คิวได้แล้ว ทันทีที่ผ่านเข้าประตูมา ก็ให้รีบเลี้ยวขวาวิ่งไปโซน Sci-Fi City เพื่อเล่น  TRANSFORMERS The Ride: The Ultimate 3D Battle เนื่องจากเป็นเครื่องเล่นที่ป๊อปปูล่ามากถึงมากที่สุด เท่าที่เดินผ่านไปผ่านมาวันศุกร์ เห็นการรอคิวสูงสุด 90 นาที (จะมีเวลาบอกว่าต้องรอกีน่าทีกว่าจะได้เล่นข้างหน้าเครื่องเล่น) คาดว่าใครมาวันเสาร์-อาทิตย์คงต้องรออย่างน้อยๆ 1 ชั่วโมง อีกทางเลือกหนึ่งคือต้องเล่นเครื่องเล่นนี้หลัง 4 โมงเย็นเพราะเป็นเวลาที่ทัวร์เรียกรวมตัวจะกลับแล้ว ส่วนพวกเราสอบตกตั้งแต่มารอคิว เนื่องจากไปเปลี่ยนตั๋ว Wings of time มา หน่ำซ้ำยังไปทำบัตร SP มาอีก 4 โมงเย็นโลด

ผ่านโซน New York เจอเครื่องเล่นน่ารัก Sesame Street Spaghetti Space Chase รอไม่นานประมาณ 15 นาที แม้จะไม่อยู่ใน list ของ A MUST แต่จังหวะนั้นความน่ารักดึงดูดสี่เท้าให้เข้าไปต่อคิวเฉย

ตอนเราเข้าแถวจะมีการบรีฟสิ่งที่จะไปทำให้สั้นๆ ภารกิจของเราคือการท่องไปในอวกาศกับ Elmo เพื่อหยุดยั้งมักกะโรนีในความชั่วร้ายที่จะขโมยสปาเกตตีออกไปจากโลก โอ้ววว ฟังบรีฟแล้วน่าตื่นเต้นยิ่งนัก (นี่มันภารกิจอะไรเนี่ยยยย) เรามาดูคนร้ายกันดีกว่า ตัวสุดท้ายแบ๊วไปป่ะ

ลงยาน เตรียมตัวรบ

มีใครบางคนตื่นเต้น

เครื่องเล่นไม่ได้ตื่นเต้นหรือหวาดเสียวมากมายนัก แต่น่ารักสดใสมากๆ ถ้ามีเด็กๆมาด้วยควรมาอย่างแรงเลย

ออกมาแชะกับโซน New York

ถึงโซน Sci-Fi City เห็นคนเข้าคิว TRANSFORMERS The Ride: The Ultimate 3D Battle แล้วท้อใจ ถ่ายรูปอย่างเดียวก็ได้ฟร้าา

ไม่ไกลกับเครื่องเล่นนัก มีหุ่นจักรกลยืนรอให้ไปถ่ายรูปด้วย แถมมีเจ้าหน้าที่ถ่ายให้อีกตั้งหาก เลยไปจัดมาหน่อย

เห็นรถสีเหลือง Bumblebee คันนี้แล้วคุณสำลีเกือบกรี๊ด แทบถลาไปแชะภาพด้วยเป็นที่ระทึก

เดินต่อไปเป็นป็นรถไฟเหาะรางคู่ที่สูงที่สุดในโลก Battlestar Galactica: HUMAN (รางสีแดง) และ Battlestar Galactica: CYLON (รางสีฟ้า) เรื่องมันเศร้ามากๆที่เครื่องเล่นชิ้นนี้ปิดให้บริการอย่างถาวรไปแล้วเนื่องมาจากเรื่องความปลอดภัย แง อยากเล่นมากที่สุดแล้วนะเนี่ย แต่ก็ต้องทำใจ ถ่ายมาแค่รางละกัน

โซนถัดไป Ancient Egypt

จิ้มนมเลย กริ๊วววว

เครื่องเล่นหลักที่จัดว่าเป็น A MUST ในโซนนี้ก็คือ Revenge of the Mummy ซึ่งเป็นการตามหา Book of Death ก่อนที่ฮิมโมเทพผู้ชั่วร้ายจะมาแย่งไป ด้านในจะเป็นรถไฟเหาะแล่นในความมืด พร้อมกับเอฟเฟ็คแสงสีตระการตามากมาย ถือว่าหวาดเสียวที่สุดใน USS เลยก็ว่าได้ 

นักรบ พร้อม!

ก่อนจะเข้าไปเล่น จะต้องฝากสัมภาระสีงของมีค่าใน locker ที่จัดไว้ให้เรียบร้อย (ไม่งั้นโดนเหวี่ยงกระจายหมด) สามารถฝากได้ฟรี 30 นาที โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ลงทะเบียนที่เครื่องฝาก โดย 30 นาทีแรกฝากฟรี 
2.สแกนลายนิ้วมือเก็บไว้ (ไฮโซววว)
3.ระบบจะ random เลข locker เมื่อเลข แสดงให้ไปเปิด locker ตามเลข แล้วเอาของเข้าไปเก็บ เมื่อเก้บของเสร็จปิด lokcer 3 วินาที locker จะล็อค
4.เล่นเสร็จ กลับมาเอาของ ให้ไปที่เครื่องลงทะเบียน เลือก reopen และเอานิ้ว(เดิม)สแกนเพื่อยืนยันตัวตน
5.ถ้าใช้ถูกนิ้ว ระบบจะเปิด locker ให้ 

ตอนเล่น มีคุณแม่ชาวอินเดียคนหนึ่งพาลูกเล็กเข้ามาเล่นด้วย คงด้วยความที่ตัวเองอยากเล่น แค่เดินเข้าไปเด็กก็กลัวแล้วไม่ยอมขึ้นเครื่องเล่น แม่ต้องจับตัวบังคับ ตอนเล่นนี่กรี๊ดผสมร้องไห้แบบกลัวมากไม่ใช่แบบสนุก ฟังแล้วสงสาร เล่นเสร็จเด็กร้องไห้โฮพร้อมบอกว่า “I’ll never come back to this place again!” คุณแม่คะ ถ้าลูกกลัวก็อย่าบังคับลูกเลย น่าสงสารมาก

ส่วนวัยรุ่น (หรือใจยังเป็นวัยรุ่น) This is A MUST พลาดไม่ดร้ายย รับประกันความมันส์จริงๆ

ยังอยู่ในโซนเดิม ถัดไปเราจะไปเล่น Treasure Hunters กัน เป็นการนั่งรถจิ๊ปฝ่าทะเลทรายร้างเพื่อสำรวจวัตถุโบราณในอียิปต์

นางกลัวแมลงดำๆที่เราเห็นในหนังกัน

สำหรับเครื่องเล่นชิ้นนี้ น่าผิดหวังที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะต่อแถวนานมว๊ากกกกกกกกกกก เกือบ 30 นาที ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ (สมเป็นทะเลทราย) ตอนเล่นก็ไม่มีอะไร นั่งรถรางที่เกือบจะเหมือนรถจิ๊ปวนรอบเล็กๆ 1 รอบ มีกลไกมึนๆอยู่สองสามอย่าง จบ สงสัยว่าทำไมคิวถึงได้ย้าวยาว

จบเครื่องเล่นนี้ก็หิวพอดี เลยตัดสินใจเดินไปหาอะไรกินที่ร้าน KT’s Grill ในโซน New York เพราะสามารถใช้ส่วนลดของบัตร SP ได้

ได้มาแล้ว เบอร์เกอร์กลมๆก้อนนึงมาแบ่งกัน เห็นแบบนี้ราคาราวๆ 300 บาทนะเนี่ยยย

แหม เกือบหล่อ

11:15 น. มีโชว์ The Cruisers พอดีที่หน้าร้านเลย เป็นผู้ชายหุ่นดี 4 คนมาร้องเพลงยุคเก่า ประมาณเอลวิส คือหน้าตาแต่ละคนหล่อมาก แต่จะเต้นพลิ้วไปไหน เก๊าแอบเห็นว่าตัวเองใส่จีสตริงนะ แซ่บซะไม่มี

ตารางโชว์ต่างๆสามารถดูได้จากแผ่นพับใบนี้ หาหยิบได้พร้อมกับแผนที่ พวกเราไปดูกันเกือบครบ สังเกตได้จากสภาพแผ่นพับ เยินเชียว

หลังจากกินอิ่มก็ต้องรีบรุดไปดูโชว์ Waterworld อยู่ในโซน The Lost World ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ USS เลยก็ว่าได้ โชว์แสดงเวลา 12:15 น. ควรไปก่อนประมาณ 30 นาทีเพื่อที่นั่งที่ดีในการรับชม

ระหว่างเดินไป เหล่าแก๊ง Sesame เริ่มออกพบปะผู้คน สีฟ้าเด่นมาเชียว

ถึงโซน The Lost World ยังพอมีเวลาถ่ายรูปเล่นกับไทแรนโนซอรัสเล็กน้อย

แหม ทำเป็นกลัว เค้าไม่กินนายหรอก นึกว่าเนื้อไหม้ 😛

โชว์ Waterworld จะเล่าไปในยุคที่ทั้งโลกปกคลุมไปด้วยน้ำทะเล เหมือนภาพยนตร์ Water World (ซึ่งฉันไม่เคยดู TT) นางเอกหาพื้นดินที่ไม่ปกคลุมด้วยน้ำเจอ ก่อนที่ตัวร้ายจะจับตัวนางเอกไปเพื่อเค้นหาสถานที่นั้น พระเอกที่เป็นมนุษย์หลายพันธุ์ครึ่งปลาครึ่งมนุษย์ (เพราะมีเหงือกหายใจในน้ำได้) ต้องออกมาช่วยนางเอกไว้

ที่นั่งจะแบ่งเป็น 3 โซน เปียกแน่นอน (สีฟ้า) โดนนำกระเซ็น (สีเขียว) และรับประกันความแห้ง (สีน้ำตาล) เลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย ก่อนโชว์เริ่มจะมีเจ้าหน้าที่มาเล่นน้ำให้ความสนุกสนานกับเรา (โซนสีฟ้าโดนเละ ณ จุดๆนี้)

นางเอก นางแข็งแรงมาก

ตัวร้าย มาพร้อมสมุน

จุดหมายต่อไป ไปนั่งดูหนังสี่มิติเย็นๆกับ Shrek 4-D Adventure ในโซน Far Far Away 

ในตัวปราสาทจะเป็นโรงหนัง 4D ที่เล่าเรื่องราวของเชร็คและเจ้าหญิงฟีโอน่าช่วงที่จะไปฮันนี่มูนกัน แต่ระหว่างทางเจ้าหญิงถูกตัวร้ายอย่างลอร์ดฟาร์ ควอด (จากภาคหนึ่งที่ตายไปแล้ว) จับตัวไป โดยลอร์ดฟาร์ ควอดวางแผนให้เจ้าหญิงฟีโอน่าตายโดยการตกจากน้ำตก เพื่อที่จะได้ครองรักกับตนที่เป็นวิญญาณ เชร็คและดองกี้จึงต้องตามไปช่วยเหลือ

อันนี้สนุกและน่ารักมาก A MUST เลยจริงๆ

14:15 น. ได้เวลา Sesame Street Stage Show ที่โซน New York หน้าหอสมุด แฟนคลับต้องรีบรุดไปดู

น่ารักดี เป็นเพลงเกี่ยวกับเด็กๆที่มีความฝันโตขึ้นแล้วอยากเป็นอะไรบ้าง

15:00 ที่โซน New York เช่นกัน มีการแสดงการเต้น B-Boy ในโชว์ที่ชื่อว่า The Rockafellas

สำหรับคนชอบการเต้นแนวฮิปฮอปนี่พลาดไม่ได้ เต้นกันสดๆ ตีลังกากันเป็นว่าเล่นเหมือนฝึกวิชากำลังภายในมา

จุดหมายถัดไปเป็นโซน Hollywood ที่อยู่ใกล้ๆกัน เราจะไปดูโชว์หลัก Monster Rock อีกหนึ่งไฮไลท์ของ USS เป็นการแสดงร้องและเต้นในธีมของผีและปิศาจ โดยมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ปลุกชีพผีหลายๆตัวขึ้นมาจากกล่อง แล้วผีแต่ละตัวก็อยากจะร้องอยากจะเต้นกันทั้งนั้น สนุกและมันส์ไปกับเสียงเพลงที่เราคุ้นๆหูกันดี

16:15 มีโชว์น่ารักแสนกวนอย่าง Madagascar Boogie! ที่แฟนคลับเพนกวินอย่างฉันพลาดไม่ดร้ายยย ง่ะ น่าร๊ากกกกกกกกก

เต้นกันแค่แป๊บเดียวจริงๆ (ทำไมมันสั้นจัง) แล้วก็ถึงเวลาถ่ายรูปแย้ววว เริ่มที่ฮิปโปสาวพราวเสน่ห์

อิอิอิอิอิอิอิ ไอดอล ปลื้มม

ช่วงเวลาให้ถ่ายรูปกับตัวละครมันช่างสั้นนัก (ประมาณ 10-15 นาทีเทียบกับคนรอถ่ายเป็นล้าน) ถ่ายกับตัวที่เหลือไม่ทัน แต่ได้แค่นี้ก็ดีใจแล้วว

อีกเครื่องเล่นที่ต้องหาเวลาไปให้ได้คือ Lights, Camera, Action! Hosted by Steven Spielberg ในโซน New York เป็นเครื่องเล่นที่ผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์ก จะนำเราเข้าสู่กองถ่ายทำหนัง จำลองฉากหนึ่งของท่าเรือในนิวยอร์ค ที่กำลังจะโดนพายุถล่ม ซึ่งจะมีทั้งลม ฝน ไฟ เอฟเฟ็คต่างๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ขออุบเงียบไว้ ให้ไปลองเอง รับรองว่าจะต้องร้องว้าวว

เที่ยวกันจนเกือบหกโมง นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ไปลอง TRANSFORMERS The Ride: The Ultimate 3D Battle กันเลย ว่าแล้วก็พากันไปเข้าคิวเครื่องเล่นอันโด่งดังกันเลย เย็นขนาดนี้แล้ว ยังต้องรอตั้ง 30 นาทีแน่ะ

ระหว่างรอ จะมีการบรีฟภารกิจเหมือนเคย มีปุ่มเหมือนจริงให้ลองกดเล่นด้วย โดนคุณสำลีหาว่าซน ไม่งั้นเค้าจะมีปุ่มไว้ทำไมมิทราบยะ

คงเป็นอะไรสำคัญซักอย่างจากในหนังแน่ๆ จำไม่ได้

นักรบ พร้อมร่วมต่อสู้ปกป้องโลกในสงครามมหาวิบัติจักรกลสังหารถล่มจักรวาลแล้ว (โคตรเว่อร์)

ถ้าเทียบอันนี้กับมัมมี่ ฉันชอบมัมมี่มากกว่า แต่ถ้าถามความเห็นของคุณสำลี นาง crazy เครื่องเล่นชิ้นนี้มาก ออกมาพูดถึงไม่หยุด ร่ำๆอยากจะเข้าไปเล่นอีกแต่คิวยาว 555

หลังจากนี้มีเวลาเหลือยังได้ไปดูโชว์ Donkey Live ในโซน Far Far Away รอบสุดท้าย Donkey 2 มิติที่สามารถโต้ตอบกับคนได้ น่ารักดี ถ้ามีโอกาสอย่าลืมไปกันน้า

ก่อนกลับไปเสียเงินซื้อของที่ระทึกกันซักเล็กน้อย ได้หมวกสีชมพูแหววใบนี้มาครองจนได้ อิอิ

ถ้าเปรียบเทียบ Disneyland Hongkong ทริปที่แล้วกับ USS ทริปนี้ ส่วนตัวชอบ Disneyland Hongkong มากกว่า เพราะน่ารักกว่า เย็นกว่า แถมยังมีการยิงพลุปิดท้ายอีก แต่ถ้าถามคุณสำลี นางจะชอบที่นี่มากกว่าเพราะเครื่องมันส์กว่า แนวผู้ชายมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ ถ้าได้เล่นรถไฟเหาะตีลังกา ฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้

ออกจาก USS แล้วแวะซื้อ Garrett Popcorn อันโด่งดังมา 1 ถุง เอาไว้ไปกินตอนดู Wings of Time

นั่ง Sentosa Express จาก Waterfront Station มา Beach Station แต่เนื่องจากมัวแต่เตร็ดเตร่ เดินโต๋เต๋หาห้องน้ำ ไปถึงสถานที่แสดงก่อนเต็มไปด้วยคนซะแล้ว ได้ที่นั่งเพราะมีคุณลุงคุณป้าใจดีแบ่งปันให้ ต้องขอขอบคุณจริงๆ

Wings of Time เป็นโชว์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็ก 2 คนที่หนีเรียน ไปเจอกับนกดึกดำบรรพ์ ที่มีปีกแห่งกาลเวลา “Wings of Time” ซึ่งจะพาพวกเราย้อนกาลเวลาไปพร้อมๆกัน มีสองรอบ 17:40 น. และ 20:40 น. โดยรอบแรกจะแพงกว่า

เรียกได้ว่า แสง สี เสียง เลเซอร์ พลุ นี่จัดเต็มคุ้ม 10 sgd เลย

ดูเสร็จแล้ว สังเกตเห็นว่าแถวนั้นมีกระเช้าด้วย ไม่รู้นั่งไปไหน แต่อยากไปกันซะงั้น 555

ขณะยืนดูราคาอยู่หน้าที่ขายตั๋ว ก็มีคู่รักชาวจีน เอาตั๋วเล่นแบบ 3 ครั้งที่เล่นแล้วแต่ยังเหลือรอบมาให้ งงเหมือนกันแต่ก็รับไว้ สงสัยรีบไปไหนต่อ โชคดีชะมัด

เครื่องเล่นนี้ชื่อ Skyride และ Luge นั่นเอง ถือเป็น attraction หนึ่งของเกาะ Sentosa โดย Skyride คือการนั่งกระเช้าห้อยขาสุดหวาดเสียวขึ้นเขาไป ระยะทางประมาณ 1 สถานี แล้ว Luge คือการนั่งรถชาวเขา (แต่เป็นแบบโมเดิร์นหน่อยนะ) ไถลลงมา ระยะประมาณ 600 เมตรกว่าๆ บัตรจึงมักขายคู่กัน ตอนนั้นก็มัวๆไป ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร

เริ่มด้วย Skyride ยามค่ำคืนกันก่อนเลย

ส่วน Luge พอดีไปกลางคืนคนน้อย เจ้าหน้าที่เลยเข้มงวดพอสมควรไม่ให้ถ่ายรูป ไว้มารีวิวอย่างละเอียดใหม่ภายหลัง แต่บอกได้ว่า มันส์จริงๆ

ถัดไปคือการกลับไปที่สถานี Waterfront เพื่อไปดูโชว์ Crane Dance แบบฟรีๆ ไม่เสียเงิน โชว์นี้มีทุกวันยกเว้นวันอังคารและวันพุธ เวลา 21:00 น. ใช้ได้ทีเดียวสำหรับโชว์ฟรี

21:30 น. ไปดูโชว์ Lake of Dreams ที่อยู่ใกล้ๆกันต่อ ต้องบอกว่าผิดหวังสุดที่ไปนั่งรอ เพราะไม่มีอะไรเลย มีน้ำผุดปุดๆ แบบงงๆ ไฟติดเป็นหย่อมๆแบบมึนๆ นักท่องเที่ยวหลายคนรวมทั้งพวกเราลุกออกไปก่อนโขว์จบด้วยซ้ำ

กลับมาหาของกินที่ Food Republic ใน Vivo City ด้วยความหิวอย่างรุนแรง อาหารที่นี่อร่อยหลายอย่างอยู่ ประทับใจกว่าตอนไปกินที่ฮ่องกงเยอะ

มื้อนี้สั่ง Fish Soup แบบหม้อไฟมากินกัน จบวันแห่งความมันส์ด้วยซุปร้อนๆอุดมไปด้วยโปรตีนจากปลา

Post หน้าเราจะพาไปเดินชิวๆใน Bugis ดูปลาที่ S.E.A Aquarium และล่องเรือในแม่น้ำกลางเกาะสิงคโปร์ โปรดติดตาม