ชีวิตต่างถิ่น ณ ดินแดนสิงคโปร์ : เตรียมตัวย้ายถิ่นฐาน

แม้ฉันจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์เป็นระยะเวลาไม่นาน แต่ก็มีอะไรให้ตระเตรียมค่อนข้างเยอะ เนื่องจากฉันไม่เคยต้องจากบ้านไปไปไกลขนาดนี้มาก่อน (อย่างมากก็ย้ายไปอาศัยอยู่หอหรืออพาร์ทเมนท์ในจังหวัดข้างเคียง) จึงอาศัยทั้งการถามจากผู้มีประสบการณ์และอากู๋ ผนวกกับคุณแม่ที่เป็นกำลังสำคัญในภารกิจครั้งนี้ ทำให้ย้ายถิ่นประสบความสำเร็จไปด้วยดี แม้จะทุลักทุเลระดับหนึ่งก็ตาม

 มือใหม่แสนกระจอกอย่างฉัน ใช้ระยะเวลาเตรียมตัวทั้งสิ้นประมาณ 3 เดือน มีขั้นตอนดังนี้

step 1 อ่านสัญญาจ้างงานอย่างละเอียด

contract (1)

แม้ว่าในกรณีของฉัน ถูกส่งไปทำงานที่สิงคโปร์โดยบริษัทที่เมืองไทย ไม่ได้สมัครตรง แต่ก็จะต้องทำสัญญาจ้างงานใหม่เพิ่มกับทั้งที่บริษัทที่ไทยและสิงคโปร์ สิ่งที่แนะนำให้ทุกๆคนทำก่อนการตกลงเข้าทำงานคือ อ่านสัญญาให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บางคน (รวมทั้งฉันตอนได้งานที่เมืองไทยตอนแรก) ไม่ได้สนใจอะไร เห็นว่าเงินเดือนถูกใจก็เซ็นตกลง แต่สิ่งอื่นๆ เช่น สวัสดิการ (ค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าโทรศัพท์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าย้ายถิ่น ฯลฯ) อัตราภาษีที่ต้องเสีย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม พันธะผูกพัน เป็นต้น คำนวณให้ดีว่าผลตอบแทนที่ได้รับ เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอยู่โดยไม่ขัดสนหรือไม่ ถ้าไม่ ต้องเจรจาต่อรองกับทางบริษัทโดยด่วน สวัสดิการอะไรที่สมควรได้ก็เช็คกับ HR ให้แน่ว่าได้ อะไรที่เป็นข้อห้ามหรือผิดกฎก็ต้องรู้ให้หมด

step 2 ขอใบอนุญาตทำงาน

cw14884121_xl

การที่จะเข้าไปทำงานในประเทศเขาได้นั้น จะต้องขอใบอนุญาตทำงานซะก่อน ซึ่งสำหรับสิงคโปร์แล้ว แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ (อ้างอิงจากเว็บไซต์กระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ www.mom.gov.sg เมื่อเดือนมิถุนายน 2014)

  • Employee Pass (EP) ใบอนุญาตทำงานสำหรับ professional และมีรายได้ประจำตั้งแต่ 3,300 sgd ขึ้นไป (ปัจจุบัน 1 sgd = 26 บาท) ต้องให้ผู้ว่าจ้างเป็นคนขอให้ คนที่มีใบอนุญาตประเภทนี้สามารถนำลูกมาอยู่ด้วยได้โดยขอ Dependent Pass
  • S Pass ใบอนุญาตทำงานสำหรับ mid-level skilled workers และมีรายได้ประจำตั้งแต่ 2,200 sgd ขึ้นไป ต้องให้ผู้ว่าจ้างเป็นคนขอให้ และคนที่มีใบอนุญาตประเภทนี้สามารถนำลูกมาอยู่ด้วยได้โดยขอ Dependent Pass เช่นกัน
  • Work Permit (WP) ใบอนุญาตทำงานสำหรับ skilled / semi-skilled workers ไม่กำหนดรายได้ขั้นต่ำ

ไม่ว่าจะได้ใบอนุญาตประเภทไหน สิงที่ควรทำคือไปดาวน์โหลดใบสมัครจากเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน แล้วกรอกตามคำแนะนำด้วยลายมือชัดเจน ขอหลักฐานประกอบให้พร้อม ได้แก่ ใบปริญญาบัตร ใบรับรองจบการศึกษา ทรานสคริปต์ (แปลอังกฤษ ต้องรับรองโดยมหาวิทยาลัยต้นสังกัด) ใบประกาศนียบัตรต่างๆที่เกี่ยวกับงาน (ถ้ามี) และสำเนา passport ทั้งหมดนี้สแกนส่งไปให้ผู้ว่าจ้างเป็นคนสมัครให้ ถ้าผ่าน กระทรวงแรงงานจะออกใบ In Principle Approval (IPA) ให้ เป็นเหมือนใบอนุญาตทำงานชั่วคราวให้เราสามารถเข้าประเทศ (ตั๋วเครื่องบินจะมีแต่ขาไปไม่มีขากลับ ดังนั้นต้องใช้ IPA ยืนยัน) และจัดการเช่าห้องพักได้ จากนั้นจะต้องยื่นหลักฐานตัวจริงพร้อมใบ immigration ที่ถูกแสตมป์โดยพนักงาน ตม.ให้กระทรวงแรงงานของสิงคโปร์อีกครั้ง จึงจะได้ใบอนุญาตทำงานที่แท้จริงมา

step 3 ซื้อตั๋วเครื่องบิน

1391838075-01DSC04204-o

ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนคุ้นชิน สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมคือตรวจเช็คว่าบริษัทจะออกให้หรือไม่ สามารถให้เงินเราล่วงหน้าไปซื้อหรือซื้อแล้วเอาหลักฐานมาเบิกทีหลัง อะไรที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้บ้าง ส่วนใหญ่ถ้าจะแบกของไปด้วยเยอะ แนะนำจองน้ำหนักสูงสุด (ในกรณี Airasia คือ 40 กิโลกรัม) กรณีฉัน โชคดีที่คุณแม่ไปช่วยขนด้วย จัดกระเป๋าเสร็จลองยกแล้วคิดว่าเกินแน่ๆเลยจองน้ำหนักจากตั๋วของคุณแม่อีก 25 กิโลกรัม ชั่งจริงเกินไป 2 กิโล ถ้าไม่จองมามี 2 ทางเลือกคือไม่รื้อมันตรงนั้นก็ต้องเสียเพิ่มกิโลละ 450 บาท

step 4 หาที่พัก

ST_20140602_JANEYPPTY_369588e

ขั้นตอนนี้สำคัญและกินเวลาเยอะมาก เพราะการอาศัยในสิงคโปร์นั้น ค่าที่พักเป็นส่วนที่เยอะที่สุดแล้ว แทบจะครึ่งหนึ่งของเงินเดือนด้วยซ้ำ ดังนั้นขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องเลือกให้พอเหมาะกับรายได้และอยู่ได้โดยไม่อัดอัดทั้งร่างกายและจิดใจ ที่พักของสิงคโปร์มีอยู่หลักๆ 3 ประเภท คือ

  1. HDB (Housing & Development Board) หรือแฟลตรัฐบาล เป็นโครงการคล้ายกับบ้านเอื้ออาทรของไทย ค่าที่พักจะถูกกว่าแบบอื่นๆ จะเป็นตึกหน้าตาคล้ายๆกันหมด มีหลาย generation ใหม่หน่อยก็โปร่งขึ้นมาหน่อยแต่พื้นที่แคบขึ้น
  2. condo ไฮโซและแพงกว่า HDB มี facility ต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ ลานจอดรถ ฟิสเนต รถรับส่งไป MRT ฯลฯ
  3. บ้าน หาได้ยากกว่าที่พักประเภทอื่นๆ มันจะต้องพักกับเจ้าของ

ก่อนอื่น ควรจะกำหนดความต้องการคร่าวๆก่อนที่จะลงมือหา ประกอบด้วย

  • งบประมาณ กำหนดได้จากรายได้ต่อเดือน เช่น ถ้ามีรายได้เดือนละ 2,500 sgd สมมติว่าเป็นค่าอาหารและค่าใช้จ่ายจิปาถะ 1,000 sgd อยากเก็บออม 500 sgd งบการเช่าบ้านไม่ควรเงิน 1,000 sgd เป็นต้น
  • ลักษณะห้อง การเช่าห้องที่สิงคโปร์จะเป็นลักษณะที่เราได้ห้องนอนส่วนตัว (แต่ขึ้นกับ budget บางทีอยากเช่าถูกมากๆก็ไปแชร์ห้องนอนกับคนอื่นได้) พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ส่วนซักล้าง จะใช้ร่วมกับผู้เช่าคนอื่น ห้องนอนจะมีอยู่ 2 แบบ คือ master room (มีห้องน้ำในตัว) และ common room (ใช้ห้องน้ำที่อยู่ข้างนอนห้องนอนร่วมกับผู้เช่าคนอื่น) ปกติใน HDB หรือ Condo 1 unit มักจะมี 3 ห้อง master room 1 ห้อง และ common room 2 ห้อง ราคาคร่าวๆคือmaster room ใน HDB         = 1,000 sgd++ (แต่ใกล้เมืองมากๆแพงกว่านี้แน่ๆ)
    master room ใน condo     = 1,200 sgd++
    common room ใน HDB     = 800 sgd++
    common room ใน condo = 1,000 sgd++*ค่าเช่าห้องบางครั้งไม่รวมน้ำไฟ ถ้ารวมจะเขียนว่า include utilities
  • ผู้เช่าร่วม เนื่องจากเราต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น อย่างน้อย 1 คนขึ้นไป ถ้ามีคนรู้จักอยู่สิงคโปร์แล้วไปแชร์กับเขา หรือสามารถหาคนที่รู้จัก มั่นใจว่าจะอยู่ร่วมกันได้ไปแชร์ด้วยกันจะดีมาก มิเช่นนั้นก็ต้องไปลุ้นนิสัยใจคอของผู้เช่าร่วมกันเอาดาบหน้า หากเป็นผู้หญิงอยากพักกับผู้หญิงทั้งหมด ควรจะมองหาห้องที่ระบุว่า lady environment
  • เจ้าของห้อง บางครั้ง เราก็ต้องอาศัยอยู่กับเจ้าของห้อง ถ้าเป็นกรณีที่เขาไม่ค่อยมาพักก็ดีไป เท่ากับได้ห้องกว้างอยู่สบายๆ แต่ถ้าเจ้าของห้องอาศัยอยู่ด้วยแบบ 24 ชั่วโมงแล้วล่ะก็ อาจมีข้อจำกัดในการใช้ข้าวของในห้อง หรือกฎของการซักผ้าหรือใช้แอร์ เช่น ห้ามเปิดแอร์ตอนกลางวัน เป็นต้น ถ้าอยากอยู่อย่างค่อนข้างอิสระควรจะมองหาห้องที่ระบุว่า no owner staying
  • ทำอาหาร มี 3 แบบให้เลือก cooking allowed (อนุญาตให้แสดงฝีมือผัด ทอด ปิ้ง ย่าง ตามสบาย), light cooking (ได้โปรดใช้แค่ microwave ต้มหรือนึ่งเท่านั้น) และ no cooking (ต้องพึ่งเจ๊ขายข้าวตลอดเวลาที่อยู่สิงคโปร์แน่ๆ) แล้วแต่ชอบ ถ้าใครไม่ทำอาหารก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก
  • location หลักการง่ายๆคือดูว่าที่ทำงานอยู่แถวไหน ไปโดยรถเมล์ได้ไหม ติดกับ MRT สายไหน (สิงคโปร์มี MRT หลายสาย ต่างสีกันไป เช่น สีเขียว สีแดง สีม่วง) พยายามหาที่พักให้อยู่ใกล้ที่ทำงานหรือนั่ง MRT แบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวนเป็นสีอื่นจะดีมาก กำหนดระยะเวลาเดินทางที่เรารับไหว เช่น ไม่เกิน 30 นาที แล้วลองดาวน์โหลด application ที่ชื่อว่า SG MRTซึ่งจะสามารถบอกเวลาที่ใช้ในการเดินทางโดย MRT มาลองคำนวณเวลาคร่าวๆดู (อย่าลืมบวกเวลาที่ต้องต่อรถเมล์หรือเดินจากที่พักมา MRT ด้วย)
  • อื่นๆ เช่น ใกล้สถานที่ออกกำลังกาย เช่น สวนสาธารณะหรือมีฟิตเนสในอาคาร ใกล้ห้างหรือ food court

ขั้นต่อไป คือจัดการค้นในเว็บไซต์หาที่พักต่างๆ ที่ฉันเข้าไปหาประจำคือ www.easyroommate.com.sg และwww.propertyguru.com.sg จะสามารถคัดกรองลักษณะห้องระดับหนึ่งได้ หากถูกใจอาจ Whatsapp ไปสอบถามเพิ่มเติมตาม contact ที่ประกาศในโฆษณานั้น บางที่ติดต่อตรงไปที่เจ้าของห้องได้เลย บางที่ต้องติดต่อผ่าน agent ซึ่งเราอาจจะต้องเสียค่าบริการหรือเจ้าของห้องอาจจะจ่ายให้ (ส่วนใหญ่เราเสีย) ค่าบริการ agent คิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าเช่า 1 เดือน บวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% โดยปกติแล้วห้องจะมาไวไปไว เริ่มหาจริงๆ 1 เดือนล่วงหน้าก็พอ ฉันเคยติดต่อไป 2 เดือนล่วงหน้า agent บอกว่าใกล้ๆค่อยหาเถิด จะเกิดผล เอ้ย ถึงหาไปตอนนี้ ไม่เข้าอยู่เลย เขาก็ต้องให้ห้องคนที่จะจ่ายแล้วอยู่ทันทีก่อน

สุดท้ายคือการมาดูห้อง ย้ำ ควรจะบินมาดูด้วยตัวเอง จะได้ดูสถานที่จริงๆไม่ใช่แค่ในรูปและได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เช่าร่วม

หากใครไม่สะดวกจะมานั่งหาในเว็บไซต์ อาจจะติดต่อ agent แล้วส่งความต้องการไปให้เขาดู agent จะขับรถพาดูห้องที่อยู่ในความดูแลของเขา โดยเราจะเสียเงินต่อเมื่อเลือกเช่าห้องใดห้องหนึ่ง

step 5 จัดกระเป๋า

photo

 

ก่อนอื่นที่่ต้องทำคือหากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ ซัก 2 ใบ จะยืมญาติพี่น้องก็ได้ แต่แนะนำให้ยืมคนที่มีกระเป๋าเดินทางเหลือเฟือเพราะต้องเอาไปเป็นปีๆ หรือเลือกสะดวกใจคือซื้อใหม่ ราคาเฉลี่ยปัจจุบันตกใบละ 3,000 – 4,000 บาท ในกรณีใบใหญ่สุด 28 นิ้ว เมื่อกระเป๋าพร้อมก็เริ่มทำรายการสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ แล้วก็จัดกระเป๋าเลย
ตัวอย่างรายการสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ

  • ยารักษาโรคประจำตัว ยาสามัญประจำบ้าน (แก้ปวด ลดไข้ แก้ท้องเสีย ท้องผูก ยาหม่อง ยาใส่แผล ฯลฯ)
  • เสื้อผ้าใส่ทำงาน อยู่บ้าน ชุดนอน ชุดชั่นใน ชุดว่ายน้ำ และ ผ้าขนหนู
  • รองเท้าใส่ทำงาน ใส่เล่น และรองเท้ากีฬา
  • กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเป้ กระเป๋าย่าม
  • คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป แท็บเล็ต ฮาร์ดไดร์ฟ และ สายชาร์ตของอุปกรณ์ดังกล่าวทั้งหมด
  • ปลั๊ก converter และปลั๊กพ่วง (สำคัญมาก ไม่งั้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ขนไปจากเมืองไทยจะเป็นเหมือนก้อนหิน)
  • อุปกรณ์อาบน้ำชุดเล็ก (เผื่อวันแรกๆซื้อไม่ทัน) ประกอบด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม โฟมล้างหน้า
  • เครื่องสำอาง เครื่องประทินผิว มีดโกน แหนบ ที่โกนหนวด ไดร์เป่าผม
  • ใบอนุญาตทำงาน (IPA) และเอกสารตัวจริงยื่นกระทรวงแรงงาน
  • ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และปลอกหมอนข้าง
  • ของฝากจากเมืองไทย (ทุเรียนทอด มะขาม กุญแจช้าง ผ้าไหม ฯลฯ)
  • หนังสืออ่านเล่น

สังเกตว่าหลายอย่างเลือกไปซื้อที่ประเทศนั้นๆได้ อันนี้แล้วแต่ใครสะดวกจะเอาไป หากยังไม่มีที่พักที่แน่นอนคงยากที่จะคาดเดาว่าอะไรมีอะไรขาด แต่ถ้าได้ที่พักแน่นอนแล้ว ควรสอบถามทางเจ้าของห้องว่าอะไรที่ห้องของเขามีบ้าง เช่น เตารีด เราจะได้ไม่ต้องขนไปให้หนัก

step 6 แลกเงิน

100993077-Singapore dollar.530x298

ก่อนอื่นต้องคำนวณก่อนว่าจากวันแรกที่ไป ถึงเงินเดือนออก จะใช้เงินเท่าไหร่ (ส่วนใหญ่หมดไปกับการจ่ายค่าเช่าบ้าน) เช่น

-> จ่ายค่าที่พักล่วงหน้า 1 เดือน (สมมติว่า 1000 sgd) +
-> มัดจำค่าที่พักอีก 1 เดือน (1000 sgd) +
-> ค่า agent ครึ่งเดือน vat 7% (535 sgd) +
-> ค่าซื้อของเข้าห้องพัก & ค่าโทรศัพท์ & ค่ากิน & ค่าเดินทาง  (1500 sgd)
ทั้งหมดรวมกันคือ 4035 sgd ตกเป็นเงินไทยคือ 4035 x 26 = 104,910 บาท

ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกว่าจะเอาเงินไปใช้แบบไหน แลกเป็นเงินสด ฝากเข้าธนาคารแล้วเป็นกดเงินสดเอาที่นั้น เช็คเงินสด บัตรเครดิต ฯลฯ แน่นอนว่าทุกคนต้องแลกเงินส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดเป็นเงินสด แนะนำว่าถ้าแลกเงินจำนวนมาก ควรไปแลกที่ superrich เพราะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่า (superrich จะมีสีเขียวกับส้ม สีเขียวมักจะถูกกว่า 0.10 บาท สามารถเช็คได้ว่าหน้าร้านแต่ละที่อยู่ที่ไหนบ้าง และควรโทรไปสอบถามสาขานั้นๆก่อนว่ามีของหรือเปล่า ปลอดภัยที่สุดคือไปสาขาใกล้ Big C ราชดำริ ร้านเขียวกับส้มตั้งประชันกันตรงนั้น เดินเข้าไปแล้วอัตราแลกเปลี่ยนไม่ถูกใจหรือของไม่มี ก็ไปเข้าอีกร้านหนึ่งได้) แต่ถ้าแลกน้อยๆ ค่าเดินทางค่าเสียเวลาไม่คุ้ม ก็แนะนำไปแลกที่ธนาคารที่สนามบินก็ได้ ปกติธนาคารกรุงศรีและ UOB จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด

step 7 อื่นๆ เช่น

hairdressers-cutting-hair-6lhfktrn

  • ตัดผมให้เรียบร้อย เพราะที่นั่นแพงและไม่รู้ว่าตัดออกมาเป็นแบบไหน
  • เปลี่ยนโปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือ ตรวจสอบกับผู้ให้บริการเครื่อข่ายโทรศัพท์ว่าถ้าจะคงเบอร์ไว้ จะต้องเปลี่ยนโปรโมชั่นเป็นอะไร ในกรณี DTAC จะมีโปรโมชั่น 59 บาทต่อเดือน มีค่าโทรให้ 40 นาที เป็นต้น
  • ตรวจร่างกาย หากมีเวลาควรไปหาหมอตรวจร่างกายให้เรียบร้อย
  • ทำฟัน โดนแมงกินกีซี่ ควรไปอุดมันทุกซี่

หลังจากที่เตรียมตัวครบก็นัดเลี้ยงส่งร่ำลากับบุคคลสนิทให้เรียบร้อย แค่นี้ก็พร้อมย้ายถิ่นแล้ววววว

4 comments

  1. so excited!

  2. พีชชู่

    อยากไปทำงานที่Singaporeมากเลยค่ะ แต่ไม่ทราบว่าช่วงนี้เค้ารับแต่ citizens กับ PR หรือเปล่า อยากทำงานโรงแรมค่ะ มีประสบการณ์ที่ไหน ไม่ทราบว่าลองไปwalk in สมัครดูดีมั้ยคะ ^^

  3. พีชชู่

    *มีประสบการณ์ค่ะ

    • Chainarong sinkong

      กำลังจะไปทำงานที่สิงค์โปร ครับ ออฟฟิศแถวๆๆ Chai Chee Lane ต้องการหาที่พักราคาถูกใกล้ที่ทำงาน ขอคำแนะนำผู้รู้ที่ให้ข้อมูลได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*