Hong Kong – Macau ตอนที่ 1 : เตรียมตัวโบยบิน

ฉันเป็นคนหนึ่งที่มีความฝันอยากท่องเที่ยวไปทั่วโลก เปิดกะลาน้อยๆ ดูว่าชาวบ้านเค้าทำอะไรกันไปถึงไหนแล้ว และแล้ววันหนึ่ง โอกาสฟ้าประทานก็มาถึง โอกาสที่ชื่อว่า โบนัส (อุวะฮะฮะ) ถึงมันจะไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะโบยบินไปประเทศใกล้ๆก็คือ ฮ่องกง พ่วงมาเก๊า นั่นเอง (ดังนั้นจึงไม่เหลือเงินมาซื้อ LTF เป็นบุคคลที่กรมสรรพากรควรให้การยกย่อง ฮา)

สิ่งที่ต้องเตรียมอย่างแรกสุดเลยคือ หาคนไปด้วย เนื่องจากฉันเพิ่งจบหมาดๆ ทำงานมาได้ปีกว่า เพื่อนๆกำลังเก็บเงินตั้งตัวกันอยู่ และทริปนี้เท่าที่ประเมินคือต้องใช้ประมาณ 2 หมื่นบวกๆ คำชวนเลยเป็นหมันซะส่วนใหญ่ เศร้า โชคดีที่ฟ้ายังเห็นใจเลยประทานเพื่อนร่วมทริป (เหยื่อ) มา 1 คนถ้วน มีนามสมมติว่า คุณสำลี

ครั้งนี้เลยเป็นครั้งแรกที่ไปต่างประเทศเอง หาข้อมูลเอง และหลงเอง ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ได้มาคือจากหนังสือที่ซื้อมา (ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่เล่มแดงเวิร์คมาก ฉันใช้แผนที่จากเล่มนี้เป็นหลัก) http://www.hongkongfanclub.com/ และห้อง blue planet ในเว็บ pantip

1391837533-00IMG1142-o

 

Step1: จองตั๋วเครื่องบิน

สิ่งที่ทำอย่างแรกคือการจองตั๋วเครื่องบิน เพราะจะได้รู้กำหนดวันที่แน่นอน และจะเป็นการบอกเพื่อนร่วมทริปอย่างมีนัยสำคัญว่า เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ ฮ่าฮ่า ฉันเลือกแอร์เอเชียเพราะมันถูกดี (ก่อนคิดค่าโน่นนี่นั่นจนแพงทีหลัง เซ็ง) ฉันไม่ได้จองช่วงโปร เพราะคิดได้ว่าจะไปก็คือจองเลย ไม่ได้คิดว่ามันจะมีโปรอีกเดือนถัดมา เศร้า รวมเบ็ดเสร็จคือ 7,000 บาทนิดๆ ไปฮ่องกง กลับมาเก๊า ช่วงวันที่ 10-14 ธันวาคม 2013 สิริรวม 5 วัน 4 คืน

TIPS ในการจองตั๋วเครื่องบิน

  1. เลือกช่วงที่ไป
    เลือกช่วงวันที่ราคาตั๋วถูก เช่น ควรหลีกเลี่ยงขาไปในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะมันจะแพง ไว้สำหรับคนมีสตางค์แต่ไม่มีเวลาเช่นเจ้านายของพวกเรา พวกเรามีเวลา (วันลา) แต่ไม่มีสตางค์ (เอ๊ะ ยังไง) ควรไปวันธรรมดาแต่ลาเยอะๆ
  2. เลือกสนามบิน
    ถ้าคุณไปทั้งฮ่องกงและมาเก๊า ควรพิจารณาไปหนึ่งประเทศ กลับอีกที่ เพราะยังไงก็ต้องนั่งเรือข้ามไปเป็นชั่วโมงอยู่แล้ว ลองเอาทั้งขาไปและขากลับของทั้งสองที่มาเทียบดูแล้วเลือกถูกสุด ในกรณีของฉัน ขากลับมาเก๊าถูกกว่าเกือบพัน
  3. เลือกที่นั่ง
    กรณีที่คุณจองก่อนบินพอสมควร และยินดีจ่ายสตางค์จองที่นั่ง ไหนๆก็เสียเงินแล้ว ควรเหลือบดูสักนิดว่าคุณกำลังจะบินไปด้วยเครื่องบินชนิดไหน แล้วไปค้นหาแผนพังที่นั่งในเครื่องว่าตรงไหนมองออกไปไม่ติดปีกที่เว็บนี้ http://www.seatguru.com/ ลองค้นใน pantip หรือที่อื่นๆดูว่านั่งฝั่งไหนแล้วเห็นเกาะฮ่องกงสวยที่สุด (ขาไปฝั่งซ้ายเมื่อหันหน้าไปยังห้องกัปตัน) โรคจิตเพิ่มอีกนิดไปค้นต่อก็ได้ว่านั่งตรงไหนแล้วปลอดภัยสุดในกรณีเครื่องตก (เดาว่าข้างหลัง 555)
  4. เลือกน้ำหนักกระเป๋า
    ซื้อแค่คนเดียวพอ กดไปเลย 20 kg (ในกรณี 2 คน) แล้วโหลดกระเป๋ารวมกันเพราะเค้าให้โหลดกี่ใบก็ได้ในน้ำหนักที่คุณซื้อไว้ สำหรับขาช็อปตอนขากลับอย่าลืมซื้อเผื่อซัก 5 โลก็ดีนะ
  5. เลือกช่วงเวลา
    อันนี้ขอย้ำ ดูให้ดีก่อนจะกด พยายามจองตอนเช้าๆ สมองปลอดโปร่ง ตอนนั้นฉันจองกันดึก สติสตังไม่ค่อยมี เน็ตก็เน่า (อ้างไปเรื่อย) ผลปรากฎคือจองเวลากลับผิด แทนที่จะกลับ 5 ทุ่ม ดันกดเป็นบ่าย 2 (มันปุ่มใกล้กันตรงไหน) เป็นบทเรียนที่จำได้ขึ้นใจ เพราะถ้าคิดจะเปลี่ยนรายละเอียดของตั๋วแอร์เอเชีย ไม่ว่าจะโปรหรือไม่ แนะนำให้ซื้อใหม่ดีกว่า แพงจริงอะไรจริง
  6. เตรียมอาหารไปกินบนเครื่อง
    ถ้างบจำกัด ทำแซนวิซไปกินเองบนเครื่องได้เลย ฉันเพิ่งรู้ว่าเอาอาหารขึ้นเครื่องได้ (แต่ห้ามน้ำดื่ม) เหตุเป็นเพราะพกฝรั่งกับแซนวิซใส่กระเป๋ามากินก่อนเข้า gate แต่ลืมกินแล้วถือเข้าเครื่องแสกน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่าอะไร เฮ
  7. อย่าลืมทำ Web Check in ให้เรียบร้อย
    ทั้งขาไปและขากลับ แล้วปริ๊นท์ออกมาเตรียมยืนให้เจ้าหน้าที่เวลาโหลดกระเป๋า

1391838075-01DSC04204-o

 

Step2: จองที่พัก

เนื่องจากฉันจะพัก 4 คืน แบ่งเป็น 3 คืนที่ฮ่องกง 1 คืนที่มาเก๊า อันนี้ขอบอกว่าตามงบประมาณที่คุณมีอยู่ ฉันไปดูรีวิวของหลายๆท่านใน pantip (กราบขอบพระคุณท่านเหล่านั้นเป็นอย่างสูง) ก็ถูกใจ hostel ที่ชื่อว่า Hop Inn ถูกใจตรงที่ส่งอีเมลไปคุยกับทางโรงแรม พนักงานตอบกลับเร็วมาก เลยตัดสินใจจองที่นี่ 3 คืน โดนไป 8,000 กว่าบาท ส่วนที่มาเก๊า ได้ที่สิงสถิตอยู่ที่ Ole London Hotel ที่พักยอดนิยมของคนไทยนั่นเอง จองทาง Agoda 1 คืน หมดไป 4,000 กว่าบาท ค่าที่พักสิริรวม 12,000 บาท หรือคนละ 6,000 บาท

TIPS ในการจองที่พัก

  1. เลือกวันที่ไม่แพง
    ถ้าคุณจะไปพักมาเก๊า โปรดอย่าจองช่วงวันศุกร์ เสาร์ เพราะมันจะแพงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อิฉันโดนมาแล้ว จองวันศุกร์ เพิ่มมาอีก 1,000 บาท ได้น่าตาเฉย เนื่องจากมาเก๊าเป็นเมืองคาสิโน วันศุกร์ เสาร์ นักพนันจะมาพักกัน ดังนั้นที่พักเลยแพง เศร้า
  2. เลือกห้องที่กว้างที่สุด
    ที่พักแต่ละที่ ควรดูรีวิวด้วยว่าแบบไหนกว้างสุดในราคาเท่ากัน เช่นที่ Hop Inn ถ้าเป็นแบบสองเตียง จะเป็นเตียงสองชั้น แคบมากกกกกกกกก ส่วน Ole London Hotel สองเตียงจะกว้างกว่าเตียงเดียว เป็นต้น
  3. เลือกย่านที่พัก
    สำหรับฮ่องกง กรณีมือใหม่หัดเที่ยว แนะนำให้พักย่านที่ชุกชุม มีของกินของขายเยอะๆ เช่น มงก๊ก หรือจิมซาจุ่ย ซึ่งอยู่ฝั่งเกาลูน ส่วนมาเก๊า แนะนำให้พักใกล้ๆกับที่เที่ยว เดินทางสะดวก เช่นแถวๆเซนาโด้สแควร์ หรือแถวๆคาสิโนต่างๆ คุณจะสามารถใช้รถคาสิโนไปไหนมาไหนได้
  4. เลือกที่พักที่ดูดี
    บางคนจะบอกว่าที่พักจองยังไงก็ได้ เพราะนอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ถูกต้อง นอนไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะฮ่องกงมาเก๊าเป็นอะไรที่เดินเยอะจริงๆ เหนื่อยมากๆ กลับมานอนก็อยากนอนที่สะอาดๆ มีน้ำอุ่นๆให้อาบ
  5. น้ำดื่มฟรีสำคัญ
    ควรจะหาที่ๆมีน้ำให้เราดื่มฟรีไม่อั้น เพราะฮ่องกง มาเก๊าเป็นอะไรที่น้ำแพงมาก ขวดละ 40 บาทเป็นอย่างต่ำ คิดว่าเป็นเพราะสภาพพื้นที่เป็นเกาะ ล้อมรอบด้วยน้ำทะเล น้ำดื่มต้องกลั่นเอาอย่างเดียว (มันเขียนข้างขวดว่า distilled water) ดังนั้นการเอาขวดเปล่ามากรอกน้ำที่โรงแรมกินจะช่วยประหยัดได้เยอะ ที่ Hop Inn มีน้ำฟรีให้กรอก กรอกมันทุกวันเลย ส่วน Ole London ให้น้ำขวดเล็กๆมาแค่ 2 ขวด จะขาดน้ำตายเอา (เพราะความงก) จริงๆถ้าถึงขนาดนั้นก็ซื้อไปเถอะ แต่ต้องเลือกขวดใหญ่สุดนะ

Step3: ทำแผนการท่องเที่ยว

Excel เท่านั้นถึงจะอยู่รอด ฉันเป็นโรคจิตที่ชอบวางแผนละเอียดมาก ประมาณ Excel 6 แผ่น ถึงขึ้นระบุเมนูที่จะสั่งในแต่ละร้านที่ไป คุณสำลีเห็นแล้วสตั้นไป 2 วินาที อันนี้แล้วแต่คน เพราะบางคนก็ชอบสไตล์สุ่มๆมั่วๆไปได้รสชาติ แต่ฉันเคยอยู่ดีๆก็ได้ไป disneySea ที่ญี่ปุ่นโดยที่ไม่หาข้อมูลอะไรเลย ดีที่มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นพาไป แต่ก็รู้สึกว่าได้เล่นน้อย เดินตามๆเค้าไปแบบมึนๆ เสียดายเงินค่าเข้ามาก คราวนี้เลยจัดเต็ม เสพติดข้อมูลไปแล้ว

TIPS ในการทำแผนการท่องเที่ยว

  1. เก็บขึ้น cloud
    ควรเก็บแผนนี้ไว้ใน public cloud storage เช่น Google drive, Dropbox เพราะคุณกับเพื่อนร่วมชะตากรรมจะได้ร่วมกันทำแผนนี้ได้ ในกรณีของฉัน คุณสำลีละเหี่ยใจเกินกว่าจะแตะแผนของฉันค่ะ เลยได้แต่อ่านอย่างเดียว
  2. มีแผนสำรอง
    โดยเฉพาะเรื่องกิน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ (ฮ่า) ถ้าร้านนี้ปิด จะไปกินร้านไหน สถานที่ท่องเที่ยวนี้ปิด จะไปที่ไหนแทนได้ใกล้ๆ จะได้ประหยัดเวลา
  3. ดูเมนูภาษาจีนและอังกฤษไปก่อน
    หรือง่ายๆคือหาศัพท์ทั้งอังกฤษและจีนของสิ่งที่เราอยากจะกินไป ปริ๊นท์รูปภาพไปก็ได้ อันนี้ฉันพลาด และประสบปัญหาอย่างรุนแรงในการสั่งอาหาร เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีรูปให้ชี้ ถ้าโชคร้ายมากคือจีนล้วน แก้ไขโดยการเปิดรูปในอินเตอร์เน็ตแล้วจิ้มเลย
  4. ทำแผน
    เน้น คร่าวๆก็ยังดี สำหรับใครที่เคยมั่นใจในภาษาอังกฤษ คุณคิดผิดแล้ว อยู่ที่นี่จะเหมือนเป็นมนุษย์ต่างดาว เพราะ 70% แทบสื่อสารไม่ได้ จีนล้วน คนที่พูดได้ส่วนใหญ่อยู่ในห้าง โรงแรม ซึ่งเวลาคุณหลงคุณมักจะไม่หลงในสถานที่เหล่านั้น กรณีหลงให้เลือกสาวๆเอ๊าะๆหน่อย เปอร์เซ็นต์การพูดภาษาอังกฤษได้จะสูง ควรถามเค้าก่อนด้วยว่าพูดได้ไหม ขนาดฉันเลือกสาวๆแล้ว ตอนพุ่งเข้าไปถามคำถาม นางตะโกนขึ้นมาว่า Chinese! เหวอกันเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณหลงตอนเช้าๆ ขณะที่สาวๆยังไม่ตื่นกัน อย่าได้แคร์ ถามป้าๆลุงๆแถวนั้นแหละ ฉันพูดอังกฤษไป ออกท่าทาง เค้าพูดจีนสวนกลับมา ชี้โบ้ชี้เบ้ ได้กิน กร๊าก แต่การทำแบบนี้จะยากในมาเก๊าเพราะเค้าใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นชื่อสถานที่ต่างๆ จงไปฝึกออกเสียงที่ถูกต้องมาหรือปริ๊นท์ภาพไปด้วยจะดีมาก
  5. ปริ๊นท์แผนไปเผื่อ
    สำหรับคนที่ไม่มี iPad ไม่มี internet access แผนใน cloud ควรปริ๊นท์แผนไปเผื่อ เพราะการควักเข้าควักออก เปอร์เซ็นต์สูญหายมีสูง ฉันทำตกอยู่หนหนึ่งแต่มีลุงฮ่องกงใจดีเก็บให้ รอดตาย

Step4: เตรียมตัว

การเตรียมตัวที่สำคัญ คือ

  1. ซื้อบัตรไปล่วงหน้า
    แนะนำว่า Ngong Ping, Disneyland ควรซื้อไปก่อน โดยเฉพาะ Ngong Ping คุณจะได้เดินไปใน privilege line อย่างสง่างามในขณะที่มีสายตาของชาวจีนเป็นร้อยจองมองด้วยคำถามว่า เ-งเป็นใคร เดินปรู๊ดเข้าไปเฉย ตรูรอเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย บัตรที่ไม่ควรซื้อก่อนคือ Sky100 อันนี้เห็นถ้าซื้อก่อนมันถูกลงเกือบ 200 บาทเลยจัดไป ผลปรากฎไปถึง หมอกหนาทึบ มองลงไปเห็นลางๆ จบข่าว
    1391843253-02IMG1430-o
  2. ตัวหัวปลั๊ก convertor และปลั๊กพ่วง
    เพราะเค้าใช้ปลั๊กคนละหัวกับของประเทศไทย ไม่งั้นกล้องที่คุณเอาไปจะกลายเป็นหินไร้ค่าที่แขวนไว้หนักคอเล่นๆ
  3. พร๊อพ
    โดยเฉพาะหน้าหนาว ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก บลาๆ อันนี้สำคัญมาก เดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย (ตอนแรกคิดแค่นี้ แต่เตี๋ยวมันจะมีประโยชน์ตอนคุณนั่งเรือ ขึ้น The Peak ไปดู SOL หรือทำอะไรที่ต้องเผชิญกับลมหน้าพัดแรงๆ หนาวจนคิดถึงอากาศร้อนเมืองไทยกันเลยทีเดียว)
  4. ยาคลายกล้ามเนื้อ
    อันนี้สำคัญ ควรเตรียมไปอย่างน้อยเท่าจำนวนวันต่อคน ถือว่าเตือนแล้วนะเออ บวกกับยาแก้แพ้ด้วย เพราะเวลาเจออากาศหนาวๆ เราคนไทยอาจมีน้ำมูกไหลทำให้นอนไม่หลับ เที่ยวไม่สนุกได้ พกไปหน่อยก็ดี
  5. ทิชชู่เปียก+แห้ง
    สำหรับทิชชู่เปียก สืบเนื่องจากห้องน้ำที่ฮ่องกงและมาเก๊า แม้จะสะอาด แต่ไม่มีสายชำระ แม้แต่ในโรงแรมหรูๆ ดังนั้นควรพกไปซักห่อสองห่อ เพราะซื้อที่นู่นแพงมั่ก (พกไปแต่ทำหายเลยต้องซื้อ) ส่วนทิชชู่แห้ง เวลาไปทานอาหาร จะมีให้เฉพาะร้านอาหารใหญ่ๆเท่านั้น  ถ้าร้านอาหารเล็กๆ เช่น ร้านโจ๊กข้างทาง ที่กินแล้วชอบเลอะ ต้องใช้มือฉีกปาท่องโก๋ คุณลองขอทิชชู่แล้วพนักงานจะตะโกนเสียงดังกลับมาว่า “3 dollars!” แหงะ ความจริงหากไม่อยากเสียเงินซื้อ ในฮ่องกงสามารถหาทิชชู่แห้งได้ง่ายตามห้องน้ำสาธารณะทั่วไป เพียงอาศัยจังหวะตอนเข้าห้องน้ำ กับความหนาของหน้าเพียงเล็กน้อย จัดการสาวทิชชู่มาจำนวนหนึ่ง สบายเฮ
  6. ตรวจเช็คสภาพอากาศ แลกเงิน เช็ควันหมดอายุ passport
    ถ้ามีเวลาแนะนำให้ไปแลก superrich จะได้ rate ที่ค่อนข้างดี
    1391838787-03IMG19711-o

ปล. สำหรับสาวๆที่เส้นผมต้องการการเป่าให้เป็นทรง ใครไม่เข้าใจคุณแต่ดิฉันเข้าใจ ควรจะศึกษาไปก่อนว่าทางกโรงแรมมีไดร์เป่าผมให้หรือเปล่า โรงแรมที่ฉันไปพักมีนะ แต่ฉันก็ยังโรคจิต กลัวไม่มีเลยเอาไปเองให้หนักเล่น ฮา

คำแนะนำสุดท้ายก่อนออกเดินทาง

สำหรับแผนการท่องเที่ยวที่ทำมา มันเป็นแค่แผน ความสนุกของการเที่ยวเอง คือการได้หลง ได้งง หาทางไปไม่ถูก ไปถึงแล้วมันไม่เปิด รถไม่มา ได้แก้สถานการณ์เฉพาะหน้า ดังนั้นผิดแผนบ้างไม่เป็นไร ถือเป็นประสบการณ์ ไปไม่ครบไม่เป็นไร ถือว่าซักวันฉันจะกลับมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง

ขอจบการเตรียมตัวเดินทางไว้แค่นี้ ถ้าคุณพร้อม เราจะไปผจญภัยกัน post หน้าได้เลย

2 comments

  1. รบกวนสอบถามค่ะ
    อยากทราบว่าซื้อบัตรของ nong ping จากที่ไหนอะค่ะ
    พอดีอย่างได้แบบ live ticket อะค่ะ แต่หาเจอแบบเป็น voucher ที่ต้องไปแลกอีกรอบ

    ขอบคุณค่ะ

    • ตอนที่ซื้อมาไม่ใช่ live ticket ค่ะ เป็น voucher ที่ต้องไปแลกอีกรอบ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*